แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อผู้เสียหายมิได้มาเบิกความต่อศาล โจทก์จะอาศัยแต่เพียงคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ได้กระทำลับหลังจำเลยกับคำเบิกความของพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเพียงพยานรับคำบอกเล่ามาให้ศาลรับฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่
จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลให้การปฏิเสธเป็นภาระหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นถึงความผิดของจำเลย หาใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี จำคุก 18 ปี รับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้1 ใน 3 จำคุก 12 ปี รถยนต์คันของกลางให้ริบ ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วย และไม่ริบรถยนต์ของกลางโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับพวกคนร้ายกระทำความผิดดังที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้มีผู้เสียหายเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่รู้เห็นคนร้ายในขณะกระทำความผิดแต่ในชั้นพิจารณาของศาลโจทก์ก็ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเป็นพยานเบิกความยืนยันว่า จำเลยที่ 1 ได้เป็นคนร้ายร่วมในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่แม้โจทก์จะมีคำให้การในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายอ้างมาประกอบการพิจารณา และมีร้อยตำรวจตรีสมชัย อินทโสตถิ พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความอ้างว่าได้ทำการสอบสวนคำให้การของผู้เสียหายซึ่งระบุแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมเป็นคนร้ายปล้นเอาเงินของผู้เสียหายไปด้วยก็ตาม แต่คำให้การของผู้เสียหายในชั้นสอบสวนดังกล่าวก็ไม่ได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 1 โดยที่จำเลยที่ 1 ไม่มีโอกาสได้คัดค้านเพื่อต่อสู้คดีได้เต็มที่ดังเช่นการพิจารณาคดีในชั้นศาล ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ด้วยเหตุนี้โจทก์จะอาศัยแต่เพียงคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ได้กระทำลับหลังจำเลย กับคำเบิกความของพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเพียงพยานรับคำบอกเล่ามาให้ศาลรับฟังลงโทษจำเลยหาได้ไม่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ได้ให้การรับสารภาพ ต่อมาในชั้นศาลเมื่อจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้นำสืบให้ได้ความว่าจำเลยที่ 1ไม่ได้ให้การรับด้วยความสมัครใจ จึงชอบที่ศาลจะรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฟ้องได้เห็นว่า ในกรณีที่จำเลยให้การปฏิเสธความผิดในชั้นศาล เป็นภาระหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นถึงความผิดของจำเลย แต่ในคดีนี้โจทก์หาได้นำพยานหลักฐานใดมาสืบให้ได้ความดังกล่าวนั้นไม่ โจทก์กลับอ้างภาระหน้าที่นำสืบในข้อนี้ว่าเป็นของจำเลย จึงหาเป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174 ประกอบด้วยมาตรา 227 ไม่”
พิพากษายืน