คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6261/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอให้บังคับคดี ป.วิ.พ. มาตรา 271 บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา คดีนี้โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2549 โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องเงินค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างในคดีนี้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2555 ไม่ใช่ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การร้องขอให้บังคับคดีของโจทก์จึงอยู่ภายในกำหนดเวลาการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271
เงินค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่จำนองซึ่งการจำนองครอบไปถึงนั้น มิใช่ทรัพย์สินอื่น แต่เงินดังกล่าวเข้ามาแทนที่ทรัพย์สินซึ่งจำนองที่ถูกเวนคืนในฐานะนิตินัยอย่างเดียวกับทรัพย์สินซึ่งจำนอง ย่อมตกอยู่ในบังคับแห่งจำนองซึ่งโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษามีสิทธิบังคับเอาชำระหนี้ได้เช่นเดียวกันกับทรัพย์สินซึ่งจำนอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2545 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 9,946,063.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยกับค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ ถ้าไม่ชำระให้บังคับจำนองขายทอดตลาดที่ดินเฉพาะส่วนโฉนดเลขที่ 30887 ตำบลลาดกระบัง (คลองประเวศบุรีรมย์) อำเภอลาดกระบัง (แสนแสบ) กรุงเทพมหานคร หากได้เงินไม่พอชำระให้บังคับคดีจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองชำระจนครบ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 10,019,602.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี ของต้นเงิน 6,308,440.76 บาท นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
วันที่ 4 กันยายน 2555 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี และมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือแจ้งอายัดสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวบนที่ดินโฉนดเลขที่ 14862 และเลขที่ 30887 ไปยังแขวงการทางกรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง
จำเลยทั้งสองยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการอายัดเงินค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 399/9 ถนนกิ่งแก้ว แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตามคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2555 ที่ยื่นต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับหนี้ตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้ว ไม่เกี่ยวกับปัญหาการอายัดเงินค่าสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกันในชั้นนี้ จึงเป็นฎีกาในข้อที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยที่จำเลยทั้งสองฎีกาต่อมาว่า โจทก์บังคับคดีเกินกว่า 10 ปี โดยจะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาวันที่ 1 สิงหาคม 2545 ไม่ใช่นับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2549 ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น เห็นว่า การร้องขอให้บังคับคดี ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา คดีนี้โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2549 โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้องเงินค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างในคดีนี้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2555 ไม่ใช่ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ได้อ่านเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2545 จึงไม่มีเหตุที่จะเริ่มนับกำหนดเวลาการบังคับคดีในวันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังที่จำเลยทั้งสองอ้างมาในฎีกา การร้องขอให้บังคับคดีของโจทก์จึงอยู่ภายในกำหนดเวลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ฎีกาของจำเลยทั้งสองในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ฎีกาข้อสุดท้ายของจำเลยทั้งสองที่ว่า ที่ดินทรัพย์จำนองคดีนี้ยังไม่ถูกขายทอดตลาด จึงไม่ทราบว่าเงินที่ขายได้จะพอชำระหนี้หรือไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่า เงินค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินจำนองซึ่งการจำนองครอบไปถึงนั้น มิใช่ทรัพย์สินอื่น แต่เงินดังกล่าวเข้ามาแทนที่ทรัพย์สินซึ่งจำนองที่ถูกเวนคืนในฐานะนิตินัยอย่างเดียวกับทรัพย์สินซึ่งจำนอง ย่อมตกอยู่ในบังคับแห่งการจำนองซึ่งโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษามีสิทธิบังคับเอาชำระหนี้ได้เช่นเดียวกับทรัพย์สินซึ่งจำนอง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share