แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 และมาตรา 229 บัญญัติให้จำเลยผู้อุทธรณ์ต้องนำค่าธรรมเนียมศาลที่จะต้องเสียในการอุทธรณ์ และค่าธรรมเนียมที่จะต้องชำระให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง รวมทั้งค่าทนายความที่ศาลสั่ง มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ก็ตาม แต่หากมีพฤติการณ์พิเศษจำเลยทั้งสองย่อมยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ขยายระยะเวลาดังกล่าวออกไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 วันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาล และวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาล และสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย พร้อมกันไปในวันเดียวกัน ล้วนยังอยู่ในระยะเวลาอุทธรณ์ และยังไม่ครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 7 มีนาคม 2540 ตามที่ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไว้ เหตุนี้แม้ศาลชั้นต้นเห็นว่าการเบิกจ่ายเงินค่าฤชาธรรมเนียมชักช้าเนื่องมาจากความบกพร่องในวิธีการเบิกจ่ายเงินที่มีขั้นตอนไม่เหมาะสมและไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลาได้ก็ตามแต่ย่อมแสดงให้เห็นได้อยู่ในตัวเช่นกันว่าจำเลยมิได้จงใจ ที่จะฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลและค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางในวันยื่นอุทธรณ์ประกอบกับยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลา อุทธรณ์ดังกล่าวเช่นนี้ เมื่อปรากฏว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ยื่นไว้ยังมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลและค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยถูกต้องครบถ้วน ศาลชั้นต้นก็ควรให้โอกาสแก่จำเลยชำระหรือวางเงิน ดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาอุทธรณ์ซึ่งยังจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่จำเลยที่มิได้จงใจที่จะไม่ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลและค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเสียทีเดียวและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนโดยมิได้ให้โอกาสจำเลยก่อนนั้นเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าในวันที่ 17 มีนาคม 2540 จำเลยได้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์จำนวน 200,000 บาท และค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางต่อศาลชั้นต้นจนครบถ้วนแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์และให้ศาลชั้นต้นรับค่าธรรมเนียมศาล ในชั้นอุทธรณ์ที่จำเลยนำมาวาง กับให้รับอุทธรณ์ของจำเลย และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไปได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2539 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนจำนวน109,987,100 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินนับแต่วันที่23 พฤษภาคม 2538 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จกับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้30,000 บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ครั้งที่ 1 ออกไปอีก 30 วันนับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันครบกำหนดจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2ออกไปอีก 30 วัน ศาลชั้นต้นสั่งว่าอนุญาตให้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายมีกำหนด 20 วัน นับแต่วันครบกำหนดขยาย(ครบกำหนด 20 วัน ในวันที่ 7 มีนาคม 2540) วันที่4 มีนาคม 2540 จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลออกไปอีก30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2540 ว่าตามคำร้องไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายเวลาได้ เหตุเกิดเพราะความบกพร่องของฝ่ายจำเลย หากจำเลยสั่งจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมมายังศาลแพ่งโดยตรงก็ไม่เสียเวลา การที่ทนายจำเลยให้จำเลยสั่งจ่ายให้หน่วยงานทนายจำเลยก่อนจึงไม่ใช่เหตุที่จะขอขยายให้ยกคำร้อง และสั่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในวันเดียวกันว่าจำเลยอุทธรณ์ภายในกำหนดที่ขอขยายแต่ไม่นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางจึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นอ้างว่าจำเลยทั้งสองเป็นส่วนราชการ การขอเบิกเงินเพื่อชำระค่าธรรมเนียมศาลต้องทำภายหลังที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์แล้วโดยจำเลยทั้งสองต้องส่งเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลให้แก่พนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้ชำระต่อศาลนั้น เป็นการปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง จึงเป็นเหตุสุดวิสัยและจำเลยทั้งสองได้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางศาลชั้นต้นในวันยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนี้แล้วที่ศาลไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินและมิได้มีคำสั่งให้วางเงินค่าธรรมเนียมรวมทั้งระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมยังไม่สิ้นสุด คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงมิชอบขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาอ้างว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของศาลชั้นต้น
ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยทั้งสอง แล้วดำเนินการต่อไปตามรูปคดี
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยทั้งสองและสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานของรัฐมีระเบียบการคลังวางไว้ให้ปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงิน จำเลยทั้งสองจำเป็นต้องส่งเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลทั้งหมดไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเสียก่อน แล้วพนักงานอัยการก็จะต้องตรวจความถูกต้องของจำนวนแล้วเบิกเงินมาชำระต่อศาลซึ่งเป็นเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถส่งเงินให้แก่ศาลโดยตรงได้ซึ่งจำเลยทั้งสองมิได้ประวิงคดีให้ชักช้า แต่เป็นเหตุจำเป็นอันเป็นเหตุสุดวิสัย การที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอขยายเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมของจำเลยทั้งสองโดยเหตุว่าไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายการวางเงินนั้น ยังไม่ถูกต้อง เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 มาตรา 229บัญญัติให้จำเลยทั้งสองผู้อุทธรณ์ต้องนำค่าธรรมเนียมศาลที่จะต้องเสียในการอุทธรณ์ และค่าธรรมเนียมที่จะต้องชำระให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งรวมทั้งค่าทนายความที่ศาลสั่ง มาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ก็ตาม แต่กำหนดระยะเวลาดังกล่าวนี้ หากมีพฤติการณ์พิเศษจำเลยทั้งสองย่อมยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ขยายระยะเวลาออกไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันที่จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นพร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาลในวันที่ 4 มีนาคม 2540 ก็ดี และวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าขึ้นศาล และสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองในวันที่5 มีนาคม 2540 พร้อมกันไปในวันเดียวกันก็ดียังอยู่ในระยะเวลาอุทธรณ์ยังไม่ครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 7 มีนาคม 2540 ตามที่ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไว้ เหตุนี้แม้ศาลชั้นต้นเห็นว่า การเบิกจ่ายเงินค่าฤชาธรรมเนียมชักช้าเนื่องมาจากความบกพร่องในวิธีการเบิกจ่ายเงินที่มีขั้นตอนไม่เหมาะสมและไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลาได้ก็ตาม แต่ย่อมแสดงให้เห็นได้อยู่ในตัวเช่นกันว่าจำเลยทั้งสองมิได้จงใจที่จะฝ่าฝืนต่อกฎหมายไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลและค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางในวันยื่นอุทธรณ์ ประกอบกับยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ดังกล่าว เช่นนี้เมื่อปรากฏว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองที่ยื่นไว้ยังมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลและค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยถูกต้องครบถ้วนศาลชั้นต้นก็ควรให้โอกาสแก่จำเลยทั้งสองชำระหรือวางเงินดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาอุทธรณ์ ซึ่งยังจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่จำเลยทั้งสองที่มิได้จงใจที่จะไม่ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลและค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเสียทีเดียว และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามกัน โดยมิได้ให้โอกาสจำเลยทั้งสองก่อน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และรับค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ที่จำเลยทั้งสองนำมาวาง กับรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป