แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2547 เวลาประมาณ 18 นาฬิกา จำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยถือเอาเลขท้ายสามตัวรางวัลที่หนึ่งของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยประจำงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2547 และถือเอาเลขท้ายสองตัวของดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ปิดในวันที่ 18 มิถุนายน 2547 เป็นเกณฑ์ในการแพ้ชนะกัน โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ตามคำฟ้องของโจทก์นั้นแสดงว่าในขณะกระทำความผิด ผู้เล่นได้ถือเอาผลของเลขท้ายสามตัวรางวัลที่หนึ่งของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยในงวดที่ทราบผลมาแล้ว และถือเอาดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งจะทำการปิดตลาดหลักทรัพย์แต่ละวันในช่วงเวลาเช้า 12.30 นาฬิกา และในช่วงบ่ายเวลา 16.30 นาฬิกา และทราบเลขท้ายสองตัวดัชนีในเวลาปิดตลาดในแต่ละช่วงไล่เลี่ยกับเวลาปิดตลาดดังกล่าว ซึ่งในขณะที่เล่นการพนันในเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ก็ทราบผลการเล่นแล้วเช่นกัน มาเป็นเกณฑ์ในการแพ้ชนะในการเล่นการพนัน ย่อมเป็นการฟ้องที่ขัดต่อสภาพและลักษณะของการกระทำความผิดฐานเล่นการพนันอันจะต้องเป็นการเสี่ยงโชคและอาศัยผลที่ยังไม่แน่นอนเป็นข้อแพ้ชนะกัน จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2547 เวลาประมาณ 18 นาฬิกา จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยกับพวกร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ อันเป็นการพนันตามบัญชี ข. หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยกับพวกถือเอาเลขท้ายสามตัวรางวัลที่หนึ่งของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยประจำงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2547 เป็นเกณฑ์ในการแพ้ชนะกันทั้งนี้โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และจำเลยได้ร่วมเล่นการพนันสลากกินรวบ พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยกับพวกถือเอาเลขท้ายสองตัวของดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ปิดในวันที่ 18 มิถุนายน 2547 เป็นเกณฑ์ในการแพ้ชนะกัน ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 33 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง เป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รับลดกึ่งหนึ่งแล้วลงโทษจำเลย 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 10, 12 (1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกจำเลยกระทงละ 4 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2547 เวลาประมาณ 18 นาฬิกา จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันคือ จำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นการพนันตามบัญชี ข. หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 โดยถือเอาเลขท้ายสามตัวรางวัลที่หนึ่งของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยประจำงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2547 และถือเอาเลขท้ายสองตัวของดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ปิดในวันที่ 18 มิถุนายน 2547 เป็นเกณฑ์ในการแพ้ชนะกัน โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ทั้งนี้ตามคำฟ้องของโจทก์นั้นแสดงว่าในขณะกระทำความผิดฐานเล่นการพนันสลากกินรวบของจำเลยแต่ละกรรมดังกล่าว ผู้เล่นได้ถือเอาผลของเลขท้ายสามตัวรางวัลที่หนึ่งของสลากกินแบ่งรัฐบาลไทยในงวดที่ทราบผลมาแล้ว และถือเอาดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งจะทำการปิดตลาดหลักทรัพย์แต่ละวันในช่วงเวลาเช้า 12.30 นาฬิกา และในช่วงบ่ายเวลา 16.30 นาฬิกา และทราบเลขท้ายสองตัวดัชนีในเวลาปิดตลาดในแต่ละช่วงไล่เลี่ยกับเวลาปิดตลาดดังกล่าว ซึ่งในขณะที่เล่นการพนันประเภทนี้ในเวลาประมาณ 18 นาฬิกา ก็ทราบผลการเล่นแล้วเช่นกัน มาเป็นเกณฑ์ในการแพ้ชนะในการเล่นการพนัน คำฟ้องดังกล่าวนี้ย่อมเป็นการฟ้องที่ขัดต่อสภาพและลักษณะของการกระทำความผิดฐานเล่นการพนันอันจะต้องเป็นการเสี่ยงโชคและอาศัยผลที่ยังไม่แน่นอนเป็นข้อแพ้ชนะกัน จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองและพิพากษาให้ยกฟ้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.
(นันทชัย เพียรสนอง – สุมิตร สุภาดุลย์ – คมวุฒ บุรีธนวัต)