คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่แสดงถึงความไม่สุจริต
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินของโจทก์ ซึ่งมีผู้ปลอมลายมือชื่อของโจทก์ไปทำการโอนขาย เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์ไม่สุจริต โจทก์จะอ้างเอาความไม่สุจริตของโจทก์มาขอให้เพิกถอนการโอนจากจำเลยผู้ที่รับโอนที่พิพาทนั้นไว้โดยสุจริต และโดยเสียค่าตอบแทนหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินได้มอบโฉนดให้นางลัดดา งามเอก ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และได้ทำใบมอบอำนาจให้นางลัดดาขายที่ดินเอาชำระหนี้ของโจทก์ได้ แล้วนางลัดดาได้มอบโฉนดดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายหน้าไปเดินขาย ต่อมาโจทก์ไปดูหลักฐานที่สำนักงานที่ดิน ปรากฏว่าที่ดินของโจทก์ถูกโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นของจำเลยที่ 1, 2, 3 ตามลำดับโดยจำเลยที่ 1 ได้ปลอมลายเซ็นชื่อของโจทก์ลงในใบมอบอำนาจลงวันที่ 2 มีนาคม 2503 และทำการโอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 มอบให้จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนขายฝากแก่จำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 ขายฝากแต่จำเลยที่ 3 ขณะนี้จำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าหนังสือมอบอำนาจ ลงวันที่ 2 มีนาคม 2503 เป็นเอกสารปลอม การโอนขายที่จำเลยที่ 1 ทำตลอดจนการโอนขายกับจำเลยที่ 2 และการขายฝากระหว่างจำเลยที่ 2 กับที่ 3 เป็นโมฆะ ให้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทกลับเป็นของโจทก์ตามเดิม

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันสืบพยาน

จำเลยที่ 2,3 ให้การว่า โจทก์เคยเป็นเจ้าของที่พิพาท แต่โจทก์จะมอบโฉนดให้นางลัดดาเพื่อเป็นประกันเงินกู้ และจำเลยที่ 1 จะเป็นนายหน้ารับโฉนดไปจากนางลัดดาจริงหรือไม่ ไม่ทราบ หากจริงก็เป็นเรื่องที่โจทก์ นางลัดดาและจำเลยที่ 1 สมคบกันทำการทุจริตเพื่อฉ้อโกงบุคคลภายนอก โจทก์จะถือเอาประโยชน์จากผลแห่งการทุจริตของตนให้บุคคลภายนอกผู้สุจริตต้องเสียหายไม่ได้ การซื้อขายของจำเลยที่ 2 และ 3 ได้จดทะเบียนสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอน ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำและพฤติการณ์ต่าง ๆ ของโจทก์กับนางลัดดาและจำเลยที่ 1 ส่อไปในทางไม่สุจริต และตัวโจทก์เองประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์จะอาศัยผลแห่งความไม่สุจริตรวมทั้งความประมาทเลินเล่อของตนมาอ้างยันต่อบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยสมคบกันฉ้อโกงโจทก์ โจทก์ไม่รู้เห็นหรือประมาทเลินเล่อจำเลยที่ 1 ทำใบมอบอำนาจปลอมลายมือชื่อโจทก์จึงต้องถือว่าการซื้อขายที่พิพาทได้เกิดขึ้นโดยหนังสือมอบอำนาจปลอมกรรมสิทธิที่ดินจึงไม่โอนไปยังจำเลยที่ 1, 2 และ 3

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบแสดงเลยว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำการฉ้อโกงหรือไม่สุจริต และพยานหลักฐานของโจทก์มีเหตุที่น่าสงสัยมาแต่เริ่มการซื้อขายของโจทก์ เพราะราคาที่นางลัดดาขายให้โจทก์ขายถูกกว่าที่นางลัดดาซื้อมาถึงครึ่งหนึ่งทั้งยังขายเงินผ่อนและโอนโฉนดให้โจทก์ทั้ง ๆ ที่ได้รับเงินราคาครึ่งเดียว และต่อมานางลัดดายังให้โจทก์ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกันอะไร เป็นการขัดต่อเหตุผล ทั้งยังปรากฎว่าโจทก์ไม่มีฐานะที่น่าจะซื้อที่ดินได้ โจทก์เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ตลอดจนชื่อบิดามารดาเพื่อใช้เฉพาะเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้เท่านั้น และระยะเวลาที่โจทก์อ้างว่าซื้อที่ดิน กู้เงินและทำใบมอบอำนาจให้นางลัดดาเป็นเวลาที่โจทก์ต้องโทษอยู่ในเรือนจำทหารอากาศ อีกทั้งเมื่อโจทก์ทราบว่าที่พิพาทโอนไปเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขายฝากจำเลยที่ 2 แล้ว โจทก์ก็ไม่ได้จัดการทักท้วงหรือดำเนินการอย่างใดเป็นเวลาถึง 1 ปีเศษ และลายมือชื่อของโจทก์ในสัญญาซื้อจากนางลัดดาและในใบมอบอำนาจก็ปรากฏว่าได้ทำปลอมขึ้นชนิด “ทาบแบบ” อันแสดงถึงการไม่สุจริตตั้งแต่เริ่มมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องและปฏิบัติการโดยโจทก์และผู้ที่เกี่ยวข้องคณะเดียวกันตลอดมาโจทก์ จะอ้างเอาความไม่สุจริตของโจทก์มาขอให้ศาลเพิกถอนการโอนจากจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ได้รับโอนไปโดยสุจริตและโดยเสียค่าตอบแทนหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share