แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองปลูกสร้างบ้านรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จำเลยให้การว่าจำเลยสร้างบ้านในที่ดินของจำเลย ต้องถือว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันคำนวณเป็นราคาเงินได้ในที่ดินพิพาทตามฟ้อง การพิจารณาว่าคดีนี้จะต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องถือตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่งซึ่งจะต้องให้คู่ความตีราคาทรัพย์ที่พิพาทว่ามีราคาเท่าใดแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ปรากฏว่าศาลทั้งสองสั่งให้คู่ความตีราคาทุนทรัพย์ในที่ดินพิพาทแต่อย่างใด แต่กลับวินิจฉัยคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่าต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสองโดยเห็นว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาท จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตีราคาทุนทรัพย์ในที่ดินพิพาทและเรียกเก็บค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วน แล้วส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารออกไปจากที่ดินของโจทก์และปรับแต่งที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมกับห้ามจำเลยทั้งสองกระทำซ้ำอีกและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 150,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2537จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยทั้งสองสร้างบ้านลงบนที่ดินดังกล่าวโดยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์แต่อย่างใด และโจทก์ก็เป็นผู้รับรองแนวเขตให้จำเลยทั้งสองปลูกสร้างบ้านได้จำเลยทั้งสองได้ครอบครองที่ดินหลังจากซื้อมาโดยมีอาณาเขตแน่นอนโดยความสงบและโดยเปิดเผยตลอดมา จำเลยทั้งสองไม่ต้องรื้อบ้านหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารที่พักอาศัยในส่วนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินของโจทก์และปรับแต่งที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมกับห้ามมิให้จำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีกต่อไป และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นเงิน2,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่27 ตุลาคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยว่าคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 หรือไม่ เห็นว่าคดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลูกสร้างบ้านพักอาศัยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ รวมเนื้อที่ประมาณ 63 ตารางเมตร อันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารที่พักอาศัยของจำเลยทั้งสองออกไปจากที่ดินของโจทก์และปรับแต่งที่ดินของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมกับห้ามจำเลยทั้งสองกระทำซ้ำอีกจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า จำเลยทั้งสองซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เนื้อที่ 1 งาน 46 ตารางวาจากนายอนุรักษ์ ทองเซ่ง แล้วจำเลยทั้งสองปลูกสร้างบ้านเรือนลงบนที่ดินดังกล่าวจำเลยทั้งสองหาได้ปลูกเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตามฟ้องและจำเลยทั้งสองได้ครอบครองที่ดินที่ซื้อมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยตลอดมา กับจำเลยทั้งสองไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ตามคำให้การดังกล่าวแสดงว่าจำเลยทั้งสองได้กล่าวแก้ต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์เฉพาะตรงที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองปลูกสร้างบ้านรุกล้ำอันถือว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันคำนวณเป็นราคาเงินได้ในที่ดินพิพาทตามฟ้อง การพิจารณาว่าคดีนี้จะต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องถือตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่งซึ่งจะต้องให้คู่ความตีราคาทรัพย์ที่พิพาทว่ามีราคาเท่าใดแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งให้คู่ความตีราคาทุนทรัพย์ในที่ดินพิพาทดังกล่าวแต่อย่างใด ในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการดังกล่าวแต่กลับวินิจฉัยคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่าต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคสอง โดยเห็นว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสี่พันบาทจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ดังนั้นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงไม่ชอบ”
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตีราคาทุนทรัพย์ในที่ดินพิพาทตามฟ้องและเรียกเก็บค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วนแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี