แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ หรือรับของโจร ตาม ป.อ. มาตรา 225,357,83 ข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยยักยอกทรัพย์สินหาย ตามป.อ. มาตรา 352 วรรคสอง ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์สินหายได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสาม ข้อแตกต่างระหว่างความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจรยักยอก มิใช่ต่างกันในสาระสำคัญไม่เกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โดยฎีกาว่า ขอเอาคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งของคำฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบแต่ประการใด เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 225 ประกอบมาตรา 195.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักเอาสร้อยคอทองคำพร้อมจี้ทองคำรูปหลวงปู่แหวน รวมราคาทั้งสิ้น 2,750 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ในวันที่ 13 เมษายน 2530 มีผู้พบจำเลยกับพวกครอบครองสร้อยคอทองคำและจี้ทองคำดังกล่าวของผู้เสียหาย ต่อมาวันที่10 กรกฎาคม 2530 ผู้เสียหายได้จี้ที่หายคืนจากจำเลย แล้วนำมามอบให้พนักงานสอบสวนเป็นของกลาง ทั้งนี้โดยในวันเวลาดังกล่าว จำเลยกับพวกเป็นคนร้ายร่วมกันลักเอาทรัพย์นั้นของผู้เสียหายหรือมิฉะนั้นภายหลังวันที่ทรัพย์หายจนถึงวันที่มีผู้พบจำเลยกับพวกครอบครองทรัพย์ของผู้เสียหาย จำเลยกับพวกรับไว้ซึ่งทรัพย์ดังกล่าวของผู้เสียหายโดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดลักษณะลักทรัพย์ เหตุลักทรัพย์และรับของโจรเกิดที่ตำบลวังหิน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 357, 83 และคืนของกลางแก่เจ้าของกับให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง หรือใช้ราคา 2,450 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานางสาวศิริพร รักชอบ ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง จำคุก 1 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณามีประโยชน์ต่อการพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 8 เดือน ให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง หรือใช้ราคา2,450 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83 แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังข้อเท็จจริงลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสองเป็นการพิพากษาเกินคำขอโดยข้อเท็จจริงในการพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษไม่ชอบนั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม ข้อแตกต่างดังกล่าวระหว่างความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร ยักยอก มิใช่ต่างกันในข้อสาระสำคัญไม่เกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ทั้งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำเลยได้ตามที่ปรากฏในทางพิจารณา ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยฎีกาว่า ขอเอาคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งของคำฎีกาของจำเลยด้วยนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าไม่ชอบแต่ประการใด เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225ประกอบด้วยมาตรา 195 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย สำหรับที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบาโดยรอการลงโทษไว้นั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยสมควรแก่รูปคดีแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน.