แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ผู้ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลไม่ต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา,รัฐบาลมีอำนาจถือสิทธิหวงแหนการเก็บรังนกนางแอ่น และมีอำนาจทำสัญญาให้ผู้อื่นผูกขาดได้
การอ้างสำนวนความซึ่งอยู่ในศาลเป็นพะยานนั้นไม่จำต้องร้องขอให้ศาลเรียกมา
พะยานซึ่งตีราคาสวนยางรายงานการสำรวจสวนซึ่งผู้อื่นไปตรวจทำมานั้นไม่นับว่าเป็นพะยานบอกเล่า
ยื่นคำร้องขอแก้รายงานการพิจารณาของศาลโดยอ้างว่าศาลจดไว้ไม่ตรงตามข้อตกลงในเมื่อล่วงเลยมาถึง 9 วันศาลไม่อนุญาตได้ไม่ผิดกฎหมาย
คดีฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล คู่ความเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตลอดมา เมื่อศาลล่างพิพากษายืนกันมา คู่ความจะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ฎีกาซึ่งไม่ได้ยกเหตุผลสนับสนุนนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยอ้างฎีกาที่ 1243/2479 ที่ 13/2480 ที่ 68/2480
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้อากรรังนกโจทก์เป็นเงินสองแสนบาทเศษแล้วจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญายอมโอนสวนยางซึ่งจำนองไว้แก่จำเลยอื่นเป็นเงิน ๗๕,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลยอื่น โดยจำเลยทั้งหมดรู้ว่าเป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบจึงขอให้เพิกถอนการโอน
ศาลจังหวัดสงขลาฟังว่าจำเลยทำสัญญายอมโอนสวนยางแก่กันโดยรู้ว่าเป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบ จึงพิพากษาเพิกถอนการโอน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกากล่าวว่าคดีนี้โจทก์และศาลชั้นต้นถือว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ จำเลยมิได้คัดค้านในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ทั้งได้เสียค่าขึ้นศาล ๑๕ บาทอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ จำเลยจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ปแล้ววินิจฉัยฎีกาข้อกฎหมายดังนี้
๑. เจ้าหนี้ผู้ฟ้องขอให้เพิกถอนการฉ้อตามประมวลกฎหมายแพ่ง น มาตรา ๒๓๗ ไม่ต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
๒. จำเลยคัดค้านว่าศาลฟังว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ ๑ ตามคำพิพากษาในคดีแดงที่ ๘๔/๒๔๘๐ นั้นไม่ถูกต้องเพราะโจทก์เป็นเพียงระบุอ้างไว้ ไม่ได้ร้องขอให้เรียกสำนวนดังกล่าวนั้นมาประกอบการพิจารณา ศาลฎีกาเห็นว่าสำนวนที่อ้างอยู่ในศาล และเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ดจทก์ก็ได้อ้างไว้อ้างไว้แล้ว คำคัดค้านจึงฟังไม่ขึ้น
๓. จำเลยคำดค้านว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจทำสัญญาผูกขาดรังนกกับจำเลยที่+ และว่าสัญญาทำไม่ถูกระเบียบแบบแผน ทั้งไม่ใช่เรื่องที่จะฟ้องร้องยังโรงศาล
ในข้อที่ว่าสัญญาทำไม่ถูกต้องระเบียบแบบแผนและไม่ใช่เรื่องที่จะฟ้องร้องทางโรงศาลนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่ได้ยกเหตุผลสนับสนุน จึงนับว่าจำเลยไม่มีเหตุที่จะคัดค้านคำพิพากษาศาลล่างได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ข้อที่ว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจทำสัญญาผูกขาดรังนกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการที่รัฐบาลทำสัญญาให้จำเลยที่ ๑ ผูกขาดเก็บรังนกนั้นแสดงอยู่ในตัวว่ารัฐบาลถือสิทธิหวงแหนในการเก็บรังนก และเวลานั้นเป็นรัฐบาลของพระมหากษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชพระราชบัญญัติอากรรังนกไม่ลบล้างอำนาจรัฐาลที่มีอยู่นั้น และจำเลยก็ได้รับประโยชน์จากสัญญาในการได้รับอำนาจเก็บรังนกที่ผูกขาดได้แต่ผู้เดียว
๔. จำเลยว่านายโฮมเป็นพะยานบอกเล่า ศาลฎีกาเห็นว่านายโฮมออกความเห็นในการตีราคาสวนยางด้วยตนเอง และการตีราคาไม่จำต้องไปตรวจดูด้วยตนเอง ตรวจดูรายงานก็อาจตีราคาได้ จึงหาใช่พะยานบอกเล่าไม่
๕. จำเลยว่าศาลจดรายงานพิจารราคลาดเคลื่อนจากที่ตกลงกันศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมิได้คัดค้านจนล่วงเลยมาถึง ๙ วัน ฉะนั้นที่ศาลไม่อนุญาตให้แก้จึงไม่ขัดต่อกฎหมาย
ในที่สุดพิพากษายืนตามศาลล่าง