แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อำเภอเปรียบเทียบให้ที่นาและที่สวนเป็นสิทธิแก่ฝ่ายจำเลย แต่ปรากฎว่าที่นาและที่สวนนี้เป็นมรดกได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และมารดาโจทก์ร่วมกัน เมื่อมารดาโจทก์แต่ผู้เดียวได้ยินยอมตามที่อำเภอเปรียบเทียบการยินยอมนั้น ย่อมไม่ชอบตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1546
อย่างไรก็ดีเมื่อฝ่ายจำเลยได้ครอบครองที่นาและที่สวนพิพาทนี้มาเกิน 1 ปีแล้วฝ่ายจำเลยก็ได้สิทธิครอบครองที่นาพิพาท เพราะเป็นที่มือเปล่า ส่วนที่สวนโจทก์ฟ้องเรียกคืนได้ เพราะจำเลยยังครอบครองไม่ถึง 10 ปี
ประเด็นข้อที่ว่ามารดาไม่มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุตรตามที่อำเภอเปรียบเทียบตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1546 นั้น เป็นเรื่องกะทบกะเทือนถึงสิทธิของผู้เยาว์และเป็นข้อ ก.ม.อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่ได้อ้างกันมาแต่ต้น ศาลสูงก็มีอำนาจวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่นาและที่สวนพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ ได้มาโดยได้รับมรดกจากนายชูสามีนางซุ้น และบิดา ด.ช.ช่วง ด.ญ.ช้อย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์สละสิทธิครอบครองที่พิพาท และจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองมาหลายปีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่สวน ส่วนที่นาให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยต่างฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายชูตายแล้วนางซุ้นโจทก์ผู้เป็นมารดา ด.ช.ช่วง, ด.ญ.ช้อยได้ตกลงยินยอมให้ที่นาและที่สวนเป็นสิทธิแก่ฝ่ายจำเลยตามที่อำเภอเปรียบเทียบ แม้การให้ความยินยอมจะไม่ชอบตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๕๔๖ ก็ดี แต่ฝ่ายจำเลยได้เป็นผู้ครอบครองที่นามือเปล่ามาตั้งแต่ต้นที่อำเภอเปรียบเทียบ จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองที่นานั้นแล้ว ส่วนที่สวนนั้นจำเลยครอบครองมายังไม่ถึง ๑๐ ปี โจทก์ยังไม่ขาดกรรมสิทธิจำเลยจะอ้างว่าเป็นของจำเลยยังไม่ได้
ส่วนที่ว่าโจทก์ไม่ได้ยกรเื่องมารดาไม่มีอำนาจจะให้ความยินยอมแทนบุตรตามที่อำเภอเปรียบเทียบเป็นข้ออ้างมาแต่ต้น ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยนั้นเห็นว่าเป็นเรื่องกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้เยาว์ และเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๒๖/๒๔๙๒
จึงพิพากษายืน