คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 หาได้กำหนดว่าจะต้องมีหนังสือสัญญาซื้อขายจึงจะฟ้องร้องบังคับได้เสมอไปไม่ หากการซื้อขายมีการวางประจำหรือชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็ย่อมฟ้องร้องได้เช่นกัน
ในการับเงินค่ากระบือตามกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีใบรับเงินมาแสดง คู่กรณีย่อมนำพยานบุคคลมาสืบถึงการรับเงินกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองตกลงขายกระบือ ๕ ตัวให้โจทก์เป็นเงิน ๕,๕๐๐ บาทจำเลยรับเงินไปครบถ้วน ได้ทำหนังสือให้โจทก์เป็นหลักฐาน จำเลยสัญญาจะโอนกระบือให้โจทก์ ส่วนกระบือยังอยู่ในความครอบครองของจำเลย ถึงกำหนดจำเลยขายให้คนอื่น ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงิน ๕,๕๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า สัญญาซื้อขายนอกจากเป็นหลักฐานในการซื้อขายแล้ว ยังเป็นตราสารใบรับเงินค่าขายกระบือแต่มิได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยตกลงขายกระบือและรับเงินค่ากระบือไปจากโจทก์ ๕,๕๐๐ บาท เมื่อจำเลยไม่มีกระบือขายให้โจทก์ ก็ต้องคืนเงินให้แก่โจทก์ พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน ๕,๕๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาขายกระบือให้โจทก์และรับเงิน ๕,๕๐๐ บาทไปแล้วจริง และเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ หาได้กำหนดว่าจะต้องมีหนังสือสัญญาซื้อขายจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้เสมอไปไม่ หากการซื้อขายมีการวางประจำหรือชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็ย่อมฟ้องร้องได้เช่นกัน คดีนี้ จำเลยได้รับเงินราคากระบือไปจากโจทก์แล้ว โจทก์จึงฟ้องโดยไม่ต้องอาศัยสัญญาซื้อขาย สัญญาซื้อขายในกรณีเช่นนี้ประมวลรัษฎการมิได้บัญญัติให้ต้องปิดอากรแสตมป์ ส่วนในกรณีเกี่ยวกับการรับเงิน ปรากฏว่ามิได้ปิดอากรแสตมป์ตามที่ประมวลรัษฎีกากำหนดไว้ในบัญชี จึงรับฟังเป็นหลักฐานไม่ได้ แต่ในการรับเงินค่ากระบือตามกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีใบรับเงินมาแสดง คู่กรณีย่อมนำพยานบุคคลมาสืบถึงการรับเงินกันได้
พิพากษายืน

Share