แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ศาลพิพากษาให้ริบข้าวของกลางจำนวนหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าขณะจำเลยถูกจับนั้น มีข้าวของกลางอยู่ในความครอบครองของจำเลยเพียงเล็กน้อย ข้าวนอกนั้นจำเลยได้ขายไปเรื่อยๆ ก่อนถูกจับ ดังนี้ถือว่าข้าวของกลางคือข้าวที่จับได้จากจำเลย ส่วนข้าวนอกนั้นไม่ใช่ข้าวของกลางที่ศาลให้ริบ ศาลจะให้จำเลยใช้ราคาไม่ได้
ย่อยาว
เดิมโจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าวที่จำเลยมีไว้ 25 กระสอบ จำเลยรับสารภาพ ศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิพากษาลงโทษจำเลยและให้ริบข้าวของกลาง ปรากฏว่าเมื่อจำเลยถูกจับนั้นมีข้าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยเพียง 2 กระสอบ ในชั้นบังคับคดีจำเลยคงมอบ 2 กระสอบนั้นแก่เจ้าหน้าที่โจทก์ร้องขอให้บังคับจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 29 จำเลยแถลงว่า ข้าว 23 กระสอบได้ขายไปก่อนถูกจับหมดแล้ว ไม่สามารถส่งมอบได้
ศาลชั้นต้น สั่งให้จำเลยใช้ราคาข้าว 23 กระสอบราคา 3,220 บาท ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นให้บังคับคดีตามมาตรา 29 กฎหมายอาญา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้าว 23 กระสอบไม่ได้เป็นของกลางในคดีนี้จะริบไม่ได้ พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในขณะที่จำเลยถูกจับกุมจำเลยมีข้าวอยู่เพียง 2 กระสอบ และถูกยึดเป็นของกลาง แม้จำเลยจะกระทำผิดในการที่มีข้าวอยู่ในครอบครองถึง 25 กระสอบก็ดี แต่ก็ได้ความว่าจำเลยได้จำหน่ายไปเรื่อย ๆ จนเหลือเพียง 2 กระสอบจึงถูกจับ ข้าวที่จำหน่ายไปแล้ว 23 กระสอบนั้นหาใช่เป็นข้าวของกลางไม่ และมิใช่ข้าวที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบ
พิพากษายืน