คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิที่จะดำเนินคดีทางศาลได้นั้นมีได้ฉะเพาะแต่บุคคล
เมื่อไม่ปรากฎว่าสุเหร่าของพวกอิสลามเป็นนิติบุคคลแล้ว ก็ย่อมมอบให้ผู้ใดฟ้องความแทนไม่ได้
เจ้าของที่ดินตั้งตัวแทนฟ้องขับไล่ โดยอ้างในฟ้องว่าได้อุทิศให้สุเหร่าแล้วนั้นจะชี้ขาดว่าเจ้าของไม่มีอำนาจฟ้องในชั้นนี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางบีด้าและนางอะยาคร์ เป็นเจ้าของที่รายพิพาทได้อุทิศเป็นที่กุศลสถานตามลักทธิศาสนาอิสลาม ซึ่งเรียกว่าสุเหร่าวัดติด คณะอิสลามสุเหร่าวัดติดได้ตั้งจำเลยกับคนอื่นเป็นผู้ดูแลรักษาจัดการปลูกห้องแถวหาผลประโยชน์บำรุงสุเหร่ามาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๓ ถึง ๒๔๘๖ แล้วจำเลยได้ปลูกห้องแถวลงในที่รายนี้อีกและทำสัญญาจะขายให้ผู้อื่น จึงฟ้องขับไล่จำเลย
จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิและตัดฟ้องว่าสุเหร่าวัดติดไม่ใช่นิติบุคคลเพราะไม่ได้จดทะเบียน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนนางบีด้าและนางอะยาคร์ในฟ้องกล่าวแล้วว่า ได้อุทิศให้สุเหร่าแล้ว จึงขาดกรรมสิทธิไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้อง ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ตามข้อตัดฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อตัดฟ้องฟังไม่ขึ้นในชั้นนี้ จึงให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อตัดฟ้องสำหรับนางบีด้าและนางอะยาคร์ในชั้นนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนสุเหล่าวัดติดนั้นไม่ใช่นิติบุคคล จึงไม่มีอำนาจมอบอำนาจ ให้ยกฟ้อง
โจทก์จำเลยฎีกา ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ปรากฎว่าสุเหร่าวัดติดเป็นนิติบุคคล จึงมอบอำนาจให้โจทก์มาฟ้องไม่ได้ เพราะตามวิ. แพ่ง นั้นผู้จะมีสิทธิดำเนินคดีในศาลจะต้องเป็นนิติบุคคล หรืออีกนัย ๑ ตัวการ ไม่มีสิทธิจะฟ้องแล้ว ตัดแทนก็ย่อมไม่มีสิทธิดุจกัน ส่วนหนังสือตั้งตัวแทนของนางบิด้าและนางอะยาคร์นั้น เป็นหนังสือตั้งตัวแทนโดยชอบ ชอบที่จะพิจารณาต่อไป จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share