คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิจะยึดสินบริคนห์มาแบ่งแยกส่วนของผู้ล้มละลายได้
หญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ได้ทำขึ้นจึงผูกพันธ์หญิงตาม ป.ม.แพ่งฯ ม. 37
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว หนี้ที่ฟ้องล้มละลายจะเกิน 10 ปี แล้วก็ไม่มีเหตุทีจะถือว่าคำพิพากษาไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
แม้จะเป็นหนี้เกิดก่อนวันใช้ ป.ม.แพ่งฯบรรพ 5 ก็ดี ก็แบ่งแยกสินบริคนห์ตาม ป.ม.แพ่งฯ ม.1484 ได้ ไม่ขัดกับบท ก.ม.เก่าหรือใหม่อย่างใด

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยล้มละลายและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ล้มละลายตาม ก.ม.โจทก์ จึงนำเจ้าพนักงานยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อแบ่งแยกโดยอ้างว่าเป็นสินบริคนห์ของจำเลยที่ ๒ ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้ถอนการยึด เจ้าพนักงานพิทักษ์ไต่สวนแล้ว สั่งยกคำร้องผู้ร้องจึงร้องต่อศาลขอให้ยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสีย และขอให้ถอนการยึดที่ดินรายนี้
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิที่จะยึดสินบริคนห์มาแบ่งแยก ส่วนของผู้ล้มละลายได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ม. ๒๒, ๑๐๙ และ ป.ม.แพ่งฯ ม. ๑๔๘๔ ที่ผู้ร้องอ้างว่าหนี้เดิมเป็นหนี้ที่ไม่ผูกพันธ์สินบริคนห์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าหญิงมีสามีเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว นิติกรรมที่ทำขึ้นจึงผูกพันธ์หญิงตาม ป.ม.แพ่งฯ ม. ๓๗ ข้ดที่ผู้ร้องว่าหนี้รายนี้เกิน ๑๐ ปีแล้ว ใช้บังคับไม่ได้นั้น เห็นว่าเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะถือว่าคำพิพากษานี้ไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด แม้หนี้เกิดก่อนวันใช้ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ ๕ ก็ยกมาตรา ๑๕๘๔ ใช้บังคับได้ ไม่ขัดกับบทกฎหมายเก่าหรือใหม่อย่างใด จึงพิพากษายืน

Share