คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานยักยอก ให้จำคุก 6 เดือน รอการลงโทษไว้3 ปีและให้ใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 120,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน แก่ผู้เสียหาย 66,000 บาท นอกนั้นยืน ดังนี้ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ฉะนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าจำเลยยักยอกเงินเพียง 66,000 บาท จึงเป็นอันยุติ ซึ่งศาลจะต้องถือตามในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๓๕๓ กับให้จำเลยคืนราคาทรัพย์ ๑๒๐,๐๐๐ บาท แก่นางวุฑฒาผู้เสียหาย โดยมีข้อหาว่าจำเลยยักยอกค่าที่ดินที่ผู้เสียหายมอบฉันทะให้ขาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
นางวุฑฒาผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ ให้จำคุกจำเลย ๖ เดือน รอการลงโทษไว้ ๓ ปี ให้จำเลยใช้เงินแก่ผู้เสียหาย ๑๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหาย ๖๖,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ดดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำนวนทรัพย์ที่ฟังว่า จำเลยยักยอกไปส่วนโทษจำคุก ๖ เดือน และรอการลงโทษไว้ ๓ ปีนั้ไม่แก้ไข คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยยักยักเงินเพียง ๖๖,๐๐๐ บาทเท่าที่จำเลยรับมาหลังจากหักส่วนที่นายชดได้รับไปตามสัญญา ระหว่างจำเลยกับนายชดแล้ว ย่อมเป็นอันยุติ โจทก์ฎีกาโต้แย้งไม่ได้ว่าจำเลยรับเงินไป ๑๒๐,๐๐๐ บาท และยักยอกเงินจำนวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท นั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าจำเลยยักยอกเงินเพียง ๖๖,๐๐๐ บาท ข้อเท็จจริงนี้ศาลก็ต้องถือตามในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งฎีกาโจทก์จีงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ประการใด
พิพากษายืน

Share