คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6228/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 240 เมื่อโจทก์นำส่งเอกสารในเวลาพยานเบิกความและศาลให้จำเลยตรวจดูแล้ว ศาลย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่จำเป็นต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282, 91 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณีพ.ศ. 2503 มาตรา 9
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 วรรคสาม, 91 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณีพ.ศ. 2503 มาตรา 9 เป็นความผิดต่างกรรมกันเรียงกระทงลงโทษฐานเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน15 ปี เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น จำคุก 5 ปี และฐานเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี จำคุก 4 เดือนรวมเป็นจำคุก 5 ปี 4 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์นำส่งพยานเอกสารต่าง ๆ ในสำนวนต่อศาลในระหว่างสืบพยานโดยไม่นำส่งสำเนาให้จำเลยรับทราบในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ผิดพลาดศาลจะรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวมาพิจารณาลงโทษจำเลยไม่ได้นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 240บัญญัติว่า “เมื่อมีเอกสารใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลให้อ่านหรือส่งให้คู่ความตรวจดู ถ้าคู่ความฝ่ายใดต้องการสำเนาศาลมีอำนาจสั่งให้ฝ่ายที่อ้างนั้นส่งสำเนาแก่อีกฝ่ายหนึ่งตามที่เห็นสมควร” ตามบทบัญญัติดังกล่าวเมื่อโจทก์นำส่งเอกสารในเวลาพยานเบิกความศาลให้จำเลยตรวจดูแล้วจึงรับเอกสารดังกล่าวไว้เป็นพยานหลักฐานได้ ไม่จำเป็นต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนพิจารณา เพียงแต่ให้จำเลยดูหรืออ่านให้จำเลยฟังก็พอแล้ว
พิพากษายืน

Share