คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6224/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีสองสำนวนที่รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันเมื่อสำนวนคดีแรกโจทก์ที่2มิได้เป็นคู่ความที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ที่2ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับโจทก์ที่1ทั้งสองสำนวนโดยไม่แยกเป็นรายสำนวนจึงไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกและโจทก์ที่ 1 ในสำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 1 เรียกโจทก์ที่ 2 ในสำนวนหลังว่าโจทก์ที่ 2
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องทั้งสองสำนวน ขอให้พิพากษาห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การทั้งสองสำนวนให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ4,000 บาท
จำเลย อุทธรณ์ ทั้ง สอง สำนวน
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 6,000 บาท
โจทก์ทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้โจทก์ที่ 2ร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับโจทก์ที่ 1 ทั้งสองสำนวนโดยไม่แยกเป็นรายสำนวนไม่ถูกต้องเพราะสำนวนคดีแรกโจทก์ที่ 2 มิได้เป็นคู่ความแต่ประการใด
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสำนวนคดีแรกทั้งสามศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม20,000 บาท กับให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสำนวนคดีหลังทั้งสามศาล โดยกำหนดค่าทนายความรวม 10,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share