คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รับซื้อที่หนองน้ำสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจากการขายทอดตลอดของศาล ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิในที่นั้น และไม่มีสิทธิจะเอาไปให้บุคคลอื่นเช่าได้
เมื่อคู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิหรืออำนาจเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าได้หรือไม่ เป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อศาลชี้ขาดว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะเอาที่พิพาทไปให้ จำเลยเช่าได้แล้ว โจทก์ก็ต้องแพ้คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ซึ่งได้มาจากการขายทอดตลอดของศาล จำเลยไม่ชำระค่าเช่า ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินค่าเช่าถ้าไม่ชำระก็ให้ออกไป
จำเลยให้การว่าเช่าที่ดินของโจทก์จริง แต่ที่ดินที่เช่าเป็นที่ดินสงวนของรัฐบาลสัญญาเช่าเป็นโมฆะ ฟ้องจำเลยไม่ได้
ชั้นพิจารณาโจทก์รับว่าที่ดินตามฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินสำหรับใช้ราชการ กระทรวงมหาดไทย (ที่หนองน้ำสาธารณประโยชน์) จำเลยรับว่าเป็นที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดของศาล และคู่ความขอให้ศาลชี้ขาดเพียงว่าโจทก์มีสิทธิหรืออำนาจที่จะเอาที่ดินตามฟ้องให้จำเลยเช่าได้ หรือไม่ ถ้าศาลชี้ขาดว่าโจทก์ทำได้ จำเลยยอมแพ้ ถ้าหากโจทก์ทำไม่ได้โจทก์ยอมแพ้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิเอาที่ดินให้จำเลยเช่าได้ พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่า หากไม่ชำระก็ให้ออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะได้รับซื้อจากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์ก็หามีสิทธิในที่พิพาทไม่ เพราะที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๕ เมื่อได้ความว่าที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาที่พิพาทไปให้จำเลยเช่าได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๒๑/๒๕๐๗) คดีนี้โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิหรืออำนาจจะเอาที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าได้หรือไม่ เป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อศาลชี้ขาดว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะเอาที่พิพาทไปให้จำเลยเช่าได้แล้วโจทก์ก็ต้องแพ้คดี
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.

Share