แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ก่อนโจทก์จะปลูกบ้านพักอาศัยโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยซื้อที่ดินจากโจทก์เพื่อก่อสร้างโรงงานทำลูกชิ้นปลากับก่อสร้างปล่องไฟแต่เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่อยู่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยโจทก์ย่อมมีสิทธิใช้สอยโดยปลูกบ้านเพื่ออยู่อาศัยบนที่ดินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 และแม้โจทก์จะเคยอนุญาตให้จำเลยก่อสร้างปล่องไฟบนที่ดินของโจทก์บางส่วน แต่เป็นกรณีที่โจทก์ให้ความสะดวกแก่จำเลยในการประกอบอาชีพของจำเลยเท่านั้นหาแปลได้ว่าหากจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ให้โจทก์จำทนรับความเสียหายหรือทนเดือดร้อนต่อผลร้ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลยไม่ ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ปลูกบ้านพักอาศัยเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านซึ่งอยู่ติดกัน จำเลยใช้บ้านของจำเลยเป็นโรงงานทำลูกชิ้นปลาติดตั้งปล่องไฟคู่บนหลังคาโรงงานสูงประมาณ 8 เมตร เมื่อเดินเครื่องจักรจะมีเสียงดังและสั่นสะเทือนทั้งกลางวันและกลางคืนเกิน24 นาฬิกา วัตถุดิบที่ใช้ทำลูกชิ้นส่งกลิ่น ปล่องไฟพ่นสิ่งสกปรกและสารพิษ เช่น หยดน้ำมัน เขม่าเถ้าถ่านตกใส่หลังคา ชายคาตู้เสื้อผ้า เตียงนอน และทรัพย์สินของโจทก์สกปรกเปรอะเปื้อนโดยเฉพาะเส้นหมี่ของโจทก์เสียหายนำออกขายไม่ได้ โจทก์กับภรรยาและบุตรรวม 7 คน เจ็บป่วยเพราะแพ้สารพิษ ขอให้บังคับจำเลยประกอบกิจการทำลูกชิ้นไม่เกินเวลา 24 นาฬิกา ให้ใช้เครื่องกำจัดกลิ่นให้กลิ่นหมดสิ้น และใช้ค่าสินไหมทดแทนเดือนละ 3,000 บาท แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะยุติกระทำละเมิด ให้เคลื่อนย้ายปล่องไฟคู่บนหลังคาโรงงานของจำเลยออกไปห่างจากชายคาบ้านโจทก์ไม่ต่ำกว่า7.5 เมตร และต่อเติมยอดปล่องไฟสูงขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5 เมตรโดยจำเลยออกค่าใช้จ่ายเอง
จำเลยให้การว่า จำเลยใช้สิทธิตามปกติในขอบเขตที่ดินของจำเลยจำเลยไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์กล่าวอ้างเป็นการคาดคะเน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เพราะทราบมูลเหตุแห่งการละเมิดกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยไม่เคยรับหนังสือบอกกล่าวของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยโรงงานของจำเลยก่อความเดือดร้อนรำคาญ ส่งกลิ่นเหม็น เครื่องจักรส่งเสียงดังสร้างความรำคาญ เขม่าจากปล่องไฟตกใส่บ้านโจทก์เป็นเหตุให้ทรัพย์สินสกปรกเปรอะเปื้อน ส่วนค่าเสียหายเห็นสมควรกำหนดให้นับแต่วันฟ้องถึงวันพิพากษารวม 11,000 บาท และนับถัดจากวันพิพากษาอีกเดือนละ 1,000 บาท ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะเหตุละเมิดกระทำต่อเนื่องตลอดมาตั้งแต่ปี 2527 ถึงปัจจุบัน กลิ่นปลาสดที่ใช้ทำลูกชิ้นไม่รุนแรง ยังไม่ต้องใช้เครื่องกำจัดกลิ่นและยังไม่ต้องย้ายปล่องไฟคู่เพราะอาจขจัดเขม่าด้วยวิธีอื่น พิพากษาให้จำเลยประกอบกิจการทำลูกชิ้นในเวลากลางคืนไม่เกิน 24 นาฬิกาให้ขจัดเขม่าจากปล่องไฟคู่ไม่ให้ตกใส่บ้านโจทก์ ให้ใช้ค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องจนถึงวันมีคำพิพากษารวม 11,000 บาท และในอัตราเดือนละ1,000 บาท นับถัดจากวันมีคำพิพากษาจนกว่าจะยุติกระทำละเมิด
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยย้ายปล่องไฟคู่ออกห่างจากชายคาบ้านโจทก์ไม่ต่ำกว่า 7.5 เมตร และต่อเติมให้สูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 เมตร โดยจำเลยออกค่าใช้จ่ายเอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังยุติได้ในเบื้องต้นว่าบ้านโจทก์และบ้านจำเลยอยู่ติดกัน บ้านจำเลยเป็นโรงงานทำลูกชิ้นปลา โดยในโรงงานจำเลยมีเครื่องจักรใช้มอเตอร์หลายเครื่อง เตาไฟ 4 เตา เหนือเตามีปล่องไฟคู่สูง 12 เมตรตั้งอยู่ห่างรั้วบ้านโจทก์ประมาณ 1 เมตร มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า โจทก์ใช้สิทธิโดยสุจริตหรือไม่ จำเลยนำสืบว่าเมื่อปี 2522 จำเลยซื้อที่ดินจากโจทก์สำหรับประกอบอาชีพโดยก่อนซื้อจำเลยได้บอกแก่โจทก์แล้วว่าจะใช้เป็นที่ตั้งโรงงานทำลูกชิ้นปลา ทั้งการก่อสร้างปล่องไฟดังกล่าวจำเลยต้องอาศัยที่ดินของโจทก์บางส่วน ซึ่งโจทก์อนุญาตจนจำเลยก่อสร้างเสร็จโจทก์เพิ่งปลูกบ้านหลังที่ติดกับที่ดินของจำเลยเมื่อประมาณปลายปี 2528หรือ 2529 หลังจากจำเลยก่อสร้างโรงงานเสร็จเท่านั้น การที่จำเลยก่อสร้างโรงงานประกอบอาชีพดังกล่าวจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์เห็นว่า แม้ก่อนโจทก์จะปลูกบ้านพักอาศัยโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยซื้อที่ดินจากโจทก์เพื่อก่อสร้างโรงงานทำลูกชิ้นปลากับก่อสร้างปล่องไฟ แต่ที่ดินแปลงที่ตั้งอยู่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยนั้นโจทก์เป็นเจ้าของ โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้สอยโดยปลูกบ้านเพื่ออยู่อาศัยบนที่ดินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ส่วนที่โจทก์อนุญาตให้จำเลยก่อสร้างปล่องไฟบนที่ดินของโจทก์บางส่วนดังทางนำสืบของจำเลยนั้นแม้จะเป็นความจริง แต่เป็นกรณีที่โจทก์ให้ความสะดวกแก่จำเลยในการประกอบอาชีพของจำเลยเท่านั้น หาแปลได้ว่าหากจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ให้โจทก์ต้องจำทนรับความเสียหายหรือทนเดือดร้อนต่อผลร้ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลยไม่ ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ปลูกบ้านพักอาศัยนั้นเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน