แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยแล้ว แม้การที่ศาลชั้นต้นยืดอายุเวลาอุทธรณ์ให้จำเลยนั้น จะยืดได้หรือไม่ก็แล้วแต่ อย่างน้อยก็ฟังคำอุทธรณ์เป็นคำแถลงการณ์ของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะฎีกาต่อไป
ย่อยาว
โจทก์หาว่า จำเลยสมคบกับพวกพยายามปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ทำร้ายพวกเจ้าทรัพย์และเจ้าพนักงานตำรวจบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยตามมาตรา 250 กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยยื่นอุทธรณ์ย่อเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2492 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ วันที่ 16 เดือนเดียวกันจำเลยยื่นคำร้องขอยืดอายุอุทธรณ์ออกไปอีก 3 วัน ศาลอนุญาต ต่อมาวันที่ 18 เดือนนั้นจำเลยยื่นอุทธรณ์พิศดาร ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องขยายหรือย่นเวลาการยื่นอุทธรณ์ไว้ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ศาลชั้นต้นสั่งขยายกำหนดอายุอุทธรณ์ได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ คดีนี้มีเหตุผลพิเศษ เห็นพ้องด้วยศาลชั้นต้นที่ให้ยืดอายุอุทธรณ์ และเชื่อข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่ปราณีลดโทษให้ 1 ใน 3 ให้จำคุกตลอดชีวิตนอกนั้นยืน
คู่ความฎีกา โจทก์คัดค้านการยืดอายุเวลาอุทธรณ์ จำเลยคัดค้านข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยแล้วแม้จำเลยจะมิได้ยื่นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรค 2 ก็บังคับให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาก่อน คดีจึงจะถึงที่สุดได้ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นยืดเวลาระยะอุทธรณ์ให้แก่จำเลยนั้น จะยืดได้หรือไม่ก็แล้วแต่ คดีนี้ไม่ทำให้รูปคดีเสียไป อย่างน้อยก็ฟังคำอุทธรณ์เป็นคำแถลงการณ์ของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ได้ และไม่ตัดสิทธิของจำเลยที่จะฎีกาต่อมา ส่วนข้อเท็จจริงไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องปล้น ให้จำคุก 20 ปีตามมาตรา 249 ไม่ลดโทษและเพิ่มไม่ได้ นอกนั้นยืน