แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบจากจำเลย ทั้งจำเลยก็ประกอบการค้าโดยซื้อสินค้าจากโจทก์มาแล้วนำไปจำหน่ายให้ลูกค้าอีกต่อหนึ่ง การซื้อขายดังกล่าวมีลักษณะเป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้ เข้าข้อยกเว้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) ตอนท้าย จึงมีอายุความ 5 ปี ตาม มาตรา 193/33 (5) ส่วนเงินค่าขนส่งสินค้าดังกล่าวที่โจทก์ออกทดรองแทนจำเลยไปก็เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องจากที่โจทก์ขายสินค้าให้แก่จำเลยดังกล่าว จึงเป็นเงินที่โจทก์ผู้ประกอบการค้าได้ออกทดรองไปเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 193/34 (1) ตอนท้าย มิใช่เป็นเงินที่ผู้ขนส่งสิ่งของได้ออกทดรองไปตาม มาตรา 193/34 (3) หนี้เกี่ยวกับค่าขนส่งที่โจทก์ออกทดรองไปดังกล่าวจึงมีอายุความ 5 ปี ตาม มาตรา 193/33 (5) เช่นกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัดแต่ละจำนวนจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 187,974.76 ดอลลาร์สหรัฐ และ 283.96 ดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 142,336.55 ดอลลาร์สหรัฐ กับอีก 217.17 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษา ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 187,974.76 ดอลลาร์สหรัฐ กับ 283.96 ดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 142,336.55 ดอลลาร์สหรัฐ กับ 217.17 ดอลลาร์สิงคโปร์ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยชำระเป็นเงินบาทให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนตามอัตราขายเงินตราแต่ละสกุลถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครในเวลาที่ใช้เงิน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ กำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 20,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าและโจทก์เรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบ ทั้งจำเลยก็ประกอบการค้าโดยซื้อสินค้าจากโจทก์มาแล้วนำไปจำหน่ายให้ลูกค้าอีกต่อหนึ่ง การซื้อขายดังกล่าวมีลักษณะเป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) ตอนท้าย จึงมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) ส่วนเงินค่าขนส่งสินค้าดังกล่าวที่โจทก์ออกทดรองแทนจำเลยไปก็เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องจากที่โจทก์ขายสินค้าให้แก่จำเลยดังกล่าว จึงเป็นเงินที่โจทก์ผู้ประกอบการค้าได้ออกทดรองไปเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) ตอนท้าย มิใช่เป็นเงินที่ผู้ขนส่งสิ่งของได้ออกทดรองไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (3) หนี้เกี่ยวกับค่าขนส่งที่โจทก์ออกทดรองไปดังกล่าวจึงมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) เช่นกัน เมื่อตามใบแจ้งหนี้ฉบับแรกซึ่งลงวันที่ 11 ธันวาคม 2539 จำเลยตกลงจะชำระเงินให้แก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลงในใบแจ้งหนี้ กรณีจึงครบกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 10 มกราคม 2540 จำเลยจึงผิดนัดตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2540 เป็นต้นไป ส่วนใบแจ้งหนี้ฉบับสุดท้ายซึ่งลงวันที่ 16 ตุลาคม 2540 จำเลยตกลงจะชำระเงินให้แก่โจทก์ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ลงในใบแจ้งหนี้ กรณีจึงครบกำหนดชำระหนี้ครั้งนี้ในวันที่ 14 มกราคม 2541 จำเลยจึงผิดนัดตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2541 โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามใบแจ้งหนี้ฉบับแรกได้นับแต่วันที่ 11 มกราคม 2540 และตามใบแจ้งหนี้ฉบับสุดท้ายนับแต่วันที่ 15 มกราคม 2541 เป็นต้นไป กรณีจึงเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ฟ้องคดีในวันที่ 24 สิงหาคม 2544 นับถึงวันฟ้องจึงไม่เกินกำหนด 5 ปี ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นนี้ 8,000 บาท แทนโจทก์.