แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คำเบิกความของ อ. ที่กล่าวถึงการกระทำของจำเลยจะเป็นพยานซัดทอดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227/1 หาได้ห้ามมิให้รับฟังพยานซัดทอดเลยเสียทีเดียวไม่ หากแต่ศาลพึงต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานดังกล่าวโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีหรือมีพยานหลักฐานอื่นประกอบมาสนับสนุน
จำเลยเป็นเพียงคนกลางติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่ อ. โดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ในส่วนการกระทำของจำเลยไปแล้ว หลังจากนั้นเมทแอมเฟตามีนย่อมตกเป็นของ อ. เพียงลำพัง โดยจำเลยมิได้เป็นเจ้าของและร่วมครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางด้วย จำเลยไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน หากแต่การที่จำเลยติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่ อ. ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ อ. ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตาม ป.อ. มาตรา 86 แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการแต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
ย่อยาว
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยร่วมกับนายอำนวยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ พยานโจทก์มีนายอำนวยเบิกความว่า วันที่ 21 สิงหาคม 2545 พยานสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีน 6,000 เม็ด จากจำเลยทางโทรศัพท์ เจ้าพนักงานตำรวจจับพยานและยึดได้เมทแอมเฟตามีนของกลาง พยานให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 33 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา กับมีร้อยตำรวจเอกกชกรรณและดาบตำรวจเกียรติศักดิ์ เบิกความว่า ร้อยตำรวจเอกกชกรรณสอบถามนายอำนวยแล้ว นายอำนวยให้การว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของตนโดยซื้อมาจากจำเลยซึ่งอยู่ที่บ้านถ้ำ อำเภอแม่สาย ในราคา 140,000 บาท ซื้อขายกันที่ร้านอาหารซุ้มตาติ๊บในอำเภอแม่สาย กับได้ความจากพันตำรวจโทสุรพล พนักงานสอบสวนว่า พยานแจ้งข้อหานายอำนวยว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นายอำนวยให้การรับสารภาพ กับให้การในรายละเอียดว่า นายอำนวยซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลย ตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ. 10 ตรงกับที่นายอำนวยเคยให้การต่อร้อยตำรวจเอกกชกรรณผู้จับ ในชั้นพิจารณานายอำนวยยังคงเบิกความยืนยันว่า จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง โดยไม่มีเหตุผลใดที่นายอำนวยจะต้องเบิกความกลั่นแกล้งใส่ร้ายจำเลย นางสาวสมลักษณ์ยังให้การว่ามีคนขับรถจักรยานยนต์ซึ่งพยานจำตำหนิรูปพรรณไม่ได้ไปส่งนายอำนวย เจือสมกับคำเบิกความของนายอำนวย และแม้คำเบิกความของนายอำนวยที่กล่าวถึงการกระทำของจำเลยจะเป็นพยานซัดทอดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227/1 หาได้ห้ามมิให้รับฟังพยานซัดทอดเลยเสียทีเดียวไม่ หากแต่ศาลพึงต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานดังกล่าวโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีหรือมีพยานหลักฐานอื่นประกอบมาสนับสนุน กับได้ความจากพันตำรวจโทสุรพลว่า ชั้นสอบสวนพยานแจ้งข้อหาจำเลยว่า ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยให้การรับสารภาพ ตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ. 1 จำเลยชี้โรงแรมเบิร์ดซึ่งเป็นสถานที่ที่จำเลยกับนายอำนวยไปพักเพื่อรอรับเมทแอมเฟตามีนและร้านอาหารซุ้มตาติ๊บสถานที่รับเมทแอมเฟตามีน ตามบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพเอกสารหมาย จ. 2 และภาพถ่ายหมาย จ. 3 ทั้ง ๆ ที่จำเลยถูกจับได้หลังเกิดเหตุ 3 ปีเศษ แต่ยังคงให้การรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอำนวยและเมทแอมเฟตามีนของกลาง ที่จำเลยนำสืบว่า ระหว่างอยู่ในห้องขังมีผู้ต้องหาบางคนถามจำเลยว่าถูกจับข้อหาอะไร จำเลยบอกว่าถูกซัดทอดในข้อหายาเสพติด ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้รับสารภาพเสียเพราะไม่เช่นนั้นจะถูกทำร้ายร่างกายโดยใช้ถุงดำคลุมศีรษะแล้วทำร้ายร่างกายเช่นเดียวกับผู้ต้องหาคนดังกล่าว จำเลยเครียดและนอนไม่หลับทั้งคืนครั้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำจำเลยจึงให้การรับสารภาพนั้น เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยไม่สมเหตุสมผล เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/4 เมื่อประกอบกับคำเบิกความของนายอำนวยแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีส่วนร่วมและเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลาง อย่างไรก็ตาม ขณะร้อยตำรวจเอกกชกรรณยึดได้เมทแอมเฟตามีนของกลาง คงมีเพียงนายอำนวยที่เป็นผู้ครอบครอง ข้อเท็จจริงตามที่นายอำนวยให้การต่อร้อยตำรวจเอกกชกรรณและพันตำรวจโทสุรพลเป็นเรื่องที่นายอำนวยซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากจำเลย ส่วนจำเลยก็ให้การต่อพันตำรวจโทสุรพลว่า จำเลยเป็นเพียงคนติดต่อให้นายบุญนำเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้นายอำนวยที่ร้านอาหารซุ้มตาติ๊บ โดยนายอำนวยให้เงินเป็นค่าติดต่อ 20,000 บาท แก่จำเลย สอดคล้องกับพฤติการณ์ที่นายอำนวยนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเดินทางจากจังหวัดเชียงรายไปกรุงเทพมหานครเพียงคนเดียว ฟังได้ว่าจำเลยเป็นเพียงคนกลางติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่นายอำนวยโดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ในส่วนการกระทำของจำเลยไปแล้ว หลังจากนั้นเมทแอมเฟตามีนย่อมตกเป็นของนายอำนวยเพียงลำพัง โดยจำเลยมิได้เป็นเจ้าของและร่วมครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางด้วย จำเลยไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการที่ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน หากแต่การที่จำเลยติดต่อหาเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่นายอำนวยดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายอำนวยในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการ แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 53 จำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน