คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6194/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ เมื่อปรากฏว่า หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ดังนั้น ความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อโจทก์ที่จะให้จำเลยที่ 3ถึงที่ 5 ต้องร่วมรับผิดด้วยนั้นจึงได้ระงับสิ้นไปโดยการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้ว แม้โจทก์ชนะคดีในชั้นฎีกาก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีโจทก์ในอันที่จะบังคับเอาสิ่งใดจากจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ได้อีกจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 รับอุปกรณ์ชุดส่งเสริมการสอน จำนวน 480 ชุด คืนจากโจทก์และร่วมกันชำระเงินจำนวน 5,148,240 บาท คืนโจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2531 จนถึงวันฟ้องรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,807,858.25 บาท และดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวจากต้นเงิน 5,148,240 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ร่วมกันรับผิดชำระเงินจำนวน 5,148,240 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้อง และบังคับให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 270,960 บาท แก่จำเลยที่ 1 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2532จนถึงวันฟ้องแย้ง เป็นเงิน 50,805 บาท รวมเป็นเงิน 321,765 บาท
จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับอุทธรณ์ส่งเสริมการสอนจำนวน 480 ชุด คืนจากโจทก์และร่วมกันชำระเงิน 5,148,240 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2531 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ร่วมกันชดใช้แทนจนครบ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ยก
จำเลยที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์ และกล่าวในคำแก้อุทธรณ์ว่า คดีไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5ต้องรับผิดต่อโจทก์เท่าใด เพราะเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2537 จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้นำเงินชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ 3ถึงที่ 5 ไม่ต้องร่วมกันชำระใด ๆ แก่โจทก์อีก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่30 ธันวาคม 2530 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ทำสัญญาขายอุปกรณ์ชุดส่งเสริมการสอน UNIVERSALPROJECTION EXPLAINER จำนวน 480 ชุด ราคาชุดละ 11,290 บาทรวมเป็นเงิน 5,419,200 บาท ให้แก่โจทก์ โดยสัญญาซื้อขายกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของสินค้าว่าเป็นสินค้าเครื่องหมายการค้าทอปแมน(TOPMAN) ของบริษัทโอกาดะ ฮาร์ดแวร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่นและจะต้องเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นหรือนำชิ้นส่วนจากประเทศญี่ปุ่นมาประกอบในประเทศ โจทก์ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเป็นผู้ตรวจรับสินค้าดังกล่าวรวม 5 คน มีจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5รวมอยู่ด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้นำอุปกรณ์พิพาทซึ่งเป็นของปลอมส่งมอบให้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 เป็นผู้ตรวจรับอุปกรณ์พิพาทไว้ โจทก์ได้เบิกจ่ายเงินค่าอุปกรณ์พิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว ต่อมามีผู้ร้องเรียนว่ามีการทุจริตในการจัดซื้อและตรวจรับอุปกรณ์พิพาท โจทก์จึงทำการสอบสวนและบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ผู้ค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 นำเงินจำนวน 270,960 บาท ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ส่วนจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 คณะกรรมการที่ปรึกษาความรับผิดทางแพ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่าจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ หลังจากจำเลยที่ 4 และที่ 5 ยื่นอุทธรณ์เพียง25 วัน จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้แก่โจทก์แล้ว
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ในการตรวจรับอุปกรณ์ชุดส่งเสริมการสอน จึงขอให้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 ชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์นั้น เห็นว่า หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้แก่โจทก์ครบถ้วนตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2537ดังนั้น ความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อโจทก์ที่จะให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ต้องร่วมรับผิดด้วยนั้นได้ระงับสิ้นไปโดยการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้ว แม้โจทก์จะชนะคดีในชั้นฎีกาก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีโจทก์ในอันที่จะบังคับเอาสิ่งใดจากจำเลยที่ 3ถึงที่ 5 ได้อีก จึงไม่จำต้องจำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไป
พิพากษายกฎีกาของโจทก์ ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่โจทก์

Share