คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความในพินัยกรรมว่า “เมื่อฉัยตายไปแล้วก็ขอให้ทรัพย์ทั้งหมดดังกล่าวแล้ว ตกเป็นกรรมสิทธิแก่เก็กหลานของฉันตามที่กล่าวมาแล้ว ผู้ใดอื่นหรือนายกระจ่างซึ่งเป็นบุตรของฉันจะมาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้เป็นอันขาด ฯลฯ” นี้เป็นอันถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายไว้โดยพินัยกรรมแล้ว
ในพินัยกรรมที่มีข้อความต่อไปว่า “และขอให้นางช่วยซึ่งเป็นน้องของฉัน เป็นผู้แทนฉันจัดการยื่นคำร้องต่ออำเภอมอบกรรมสิทธิทรัพย์ให้” นั้น เป็นการกำหนดวิธีการที่จะให้เป็นผลสมบูรณ์ตามพินัยกรรม เนื่องจากทรัพย์ที่ยกให้บางอย่างเป็นที่ดิน ดังนี้ หาทำให้พินัยกรรมขาดลักษณะของการเป็นพินัยกรรมไม่
พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมนั้น ไม่จำต้องระบุเขียนลงไว้ว่า ได้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ เมื่อได้ความว่า เจ้ามฤดกกดพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยาน ก็เป็นการใช้ได้ (อ้างฎีกาที่ 45 พ.ศ.2485)

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยแพ้ความไม่ใช้เงินโจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์นำยึดทรัพย์ที่อ้างว่าเป็นของจำเลยเพื่อขายเอาเงินใช้หนี้ ผู้ร้องได้ร้องยื่นคำคัดค้านว่าทรัพย์ที่โจทก์ยึดนั้น ไม่ใช่ของจำเลยเป็นของผู้ร้องได้รับมฤดกจากนายกลิ้งทางพินัยกรรม โจทก์ยืนยันว่าเป็นของจำเลย ถ้ามีพินัยกรรมก็ปลอมและใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พินัยกรรมชอบด้วยกฎหมาย จึงสั่งให้ถอนการยึด
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความในพินัยกรรมของนาลกลิ้งผู้ตายตอนหนึ่งว่า “เมื่อฉัยตายไปแล้วก็ขอให้ทรัพย์ทั้งหมดดังกล่าวแล้ว ตกเป็นกรรมสิทธิแก่เก็กหลานของฉันตามที่กล่าวมาแล้ว ผู้ใดอื่นหรือนายกระจ่างซึ่งเป็นบุตรของฉันจะมาเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้เป็นอันขาด ฯลฯ” นี้ เป็นอันถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนากำหนดากรเผื่อตายไว้โดยพินัยกรรม์แล้ว
ในพินัยกรรม์มีข้อความต่อไปว่า “และขอให้นางช่วยซึ่งเป็นน้องของฉัน เป็นผู้แทนฉันจัดการยื่นคำร้องต่ออำเภอมอบกรรมสิทธิทรัพย์ให้” นั้น เป็นการกำหนดวิธีการที่จะให้เป็นผลสมบูรณ์ตามพินัยกรรม์ เนื่องจากทรัพย์ที่ยกให้บางอย่างเป็นที่ดิน ดังนี้ หาทำให้พินัยกรรมดังกล่าวขาดลักษณะของการเป็นพินัยกรรมไม่
พยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมนั้น ไม่จำต้องระบุเขียนไว้ว่าได้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือ เมื่อได้ความว่า เจ้ามฤดกกดพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยานก็เป็นการใช้ได้แล้ว.
พิพากษายืน

Share