แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ จะต้องเป็นการอุทธรณ์เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ปรากฏตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 3 ว่าเหตุผลข้อหนึ่งที่โจทก์จำเป็นต้องนำคดีนี้ขึ้นสู่ศาลโดยมิได้ผ่านขบวนการอนุญาโตตุลาการเพราะโจทก์พยายามจัดให้มีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทแล้วแต่จำเลยไม่ประสงค์จะให้มีการเจรจา คู่ความจึงนำคดีมาฟ้องโดยไม่ผ่านขั้นตอนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีก่อนเข้าสู่ขบวนการอนุญาโตตุลาการอุทธรณ์ข้อ 4 ว่า จำเลยมีโอกาสยกข้อต่อสู้เรื่องข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการมาตั้งแต่ขณะยื่นคำให้การแล้ว คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยจึงฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180อุทธรณ์ทั้งสองข้อดังกล่าวของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ชอบที่จะดำเนินการส่งอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาต่อไปที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ที่ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิจึงไม่ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายพร้อมติดตั้งลิฟท์และบันไดเลื่อนโครงการเวฟ เพลส ตกลงราคาลิฟท์ 4 ชุด บันไดเลื่อน 8 ชุด พร้อมติดตั้งและงานเพิ่มเติมเป็นเงินจำนวน 90,738,000 บาท โจทก์ดำเนินการเสร็จสิ้นและส่งมอบงานให้จำเลยแล้ว โจทก์ได้รับชำระเงินบางส่วนจำนวน63,000,000 บาท คงเหลือส่วนที่จำเลยไม่ได้ชำระจำนวน27,738,000 บาท และเมื่อถึงกำหนดชำระส่วนที่เหลือ จำเลยไม่ชำระ จำเลยต้องชำระค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี ถึงวันฟ้องจำนวน 4,490,999.79 บาท รวมต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 32,228,999.80 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 32,228,999.79 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี ของต้นเงิน 27,738,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสัญญาซื้อขายลิฟท์และบันไดเลื่อนพร้อมเงื่อนไขข้อ 24 ระบุว่าหากผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมามีข้อโต้แย้งไม่ว่าเรื่องใด ๆ อันเกิดจากสัญญานี้หรือการก่อสร้าง หากไม่สามารถตกลงกันได้ ให้หาข้อยุติโดยเข้าสู่ขบวนการอนุญาโตตุลาการตามกฎของสำนักงานอนุญาโตตุลาการกระทรวงยุติธรรมโดยใช้กฎหมายที่บังคับใช้ ณ วันที่ยื่นคำร้อง การดำเนินการให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานอนุญาโตตุลาการ เมื่อโจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาโจทก์จึงต้องนำข้อพิพาทคดีนี้ขึ้นสู่อนุญาโตตุลาการให้วินิจฉัยชี้ขาดก่อนการที่โจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาลโดยไม่นำสู่สำนักงานอนุญาโตตุลาการจึงเป็นการผิดข้อตกลงในสัญญา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นปัญหาข้อกฎหมายในประเด็นที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะก่อนฟ้องคดีโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการวินิจฉัยก่อน
ศาลชั้นต้นสอบโจทก์แล้ว แถลงว่าสัญญาซื้อขายพร้อมติดตั้งลิฟท์และบันไดเลื่อน มีข้อสัญญาเกี่ยวกับการเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการตามคำร้องของจำเลยจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของจำเลย คำแถลงของโจทก์แล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัย จึงให้งดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ทั้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเรื่องอำนาจฟ้องและอุทธรณ์คำพิพากษาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นให้อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ซึ่งการจะอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาได้ตามบทบัญญัติดังกล่าวจะต้องเป็นอุทธรณ์เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น แต่ปรากฏตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 3 ว่า เหตุผลข้อหนึ่งที่โจทก์จำเป็นต้องนำคดีนี้ขึ้นสู่ศาลโดยมิได้ผ่านขบวนการอนุญาโตตุลาการก็เพราะโจทก์พยายามจัดให้มีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทแล้ว แต่จำเลยไม่ประสงค์จะให้มีการเจรจา คู่ความจึงนำคดีมาฟ้องโดยไม่ผ่านขั้นตอนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีก่อนเข้าสู่ขบวนการอนุญาโตตุลาการอุทธรณ์ข้อ 4 ว่าจำเลยมีโอกาสยกข้อต่อสู้เรื่องข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการมาตั้งแต่ขณะยื่นคำให้การแล้วคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลย จึงฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180อุทธรณ์ทั้งสองข้อดังกล่าวของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงชอบที่จะดำเนินการส่งอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาต่อไปที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์โจทก์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ จึงไม่ถูกต้อง”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป