คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618-619/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยมีที่ดินติดต่อกันเกิดพิพาทกันด้วยเขตต์ที่ดินจึงได้ทำสัญญาปราณีประนอมกันว่าให้เจ้าพนักงานเกษตร์มารังวัดที่พิพาทเมื่อวัดเขตต์ตกลงตรงไหนจะยอมตามเมื่อเจ้าพนักงานเกษตร์ได้รังวัดที่พิพาทกำหนดเขตต์+แล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามสัญญาปราณีประนอมนั้น สิทธิใด ๆ โจทก์จำเลยมีมาก่อนสัญญาปราณีประนอมยอมระงับหมดสิ้นไป

ย่อยาว

โจทก์จำเลยมีที่ดินติดต่อกันได้เกิดพิพาทกันด้วยเขตต์ที่ดินในที่สุดได้ตกลงปราณีประนอมกันโดยทำสัญญาให้เจ้าพนักงานเกษตร์มาวัดที่พิพาท เมื่อวัดเขตต์ตกลงตรงไหนจะยอมตามนั้น ครั้นเจ้าพนักงานเกษตร์วัดที่พิพาทกำหนดเขตต์ลงแล้ว จำเลยไม่ยอมตามโจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติ ตามสัญญาปราณีประนอม โดยที่เขตต์ตามที่เจ้าพนักงานกำหนดให้ จำเลยแก้คำให้การแล้วฟ้องแย้งว่าโจทก์รุกล้ำเข้ามาในที่ของจำเลยขอให้ขับไล่ด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลยเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้แบ่งที่วิวาทตามสัญญาปราณีประนอม นอกนั้นยืนตาม
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าที่ศาลอุทธรณ์ไม่ถือว่ามีหลักเขตต์ระหว่างที่โจทก์จำเลยชอบแล้วเพราะหลักที่ว่านี้มีมาก่อนสัญญาปราณีประนอมฉะนั้นถ้าถือว่าหลักเขตต์อันนี้แล้วจะทำสัญญาปราณีประนอมมาให้เจ้าพนักงานทำการชี้เขตต์ทำไม อีกประการหนึ่งคำให้การของจำเลยที่ว่าสัญญาปราณีประนอมระงับไปเพราะพบหลักเขตต์นี้แล้ว จำเลยก็ถอนเสียแล้ว ที่จำเลยฎีกาขอให้ถือหลักเขตต์นี้จึงฟังไม่ขึ้น อนึ่งเมื่อศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าจำเลยผิดสัญญาปราณีประนอมจำเลยมิได้ฎีกาคัดค้าน-ศาลอุทธรณ์ในข้อนี้จึงต้องฟังว่าจำเลยผิดสัญญาปราณีประนอม ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนั้นเมื่อได้ทำสัญญาปราณีประนอมในเรื่องเขตต์นี้แล้ว จำเลยจะยกข้อที่ว่าโจทก์บุกรุกขึ้นว่ากล่าวอีกไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share