คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เยาว์อายุ 8 ขวบ บิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสกัน ป. รับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม ในคำร้องขอจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมบิดาของผู้เยาว์เป็นผู้ลงชื่อแทนที่จะเป็นมารดา แต่เมื่อยื่นคำร้องนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ได้สอบถามและไต่สวนฝ่ายผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรม และฝ่ายที่จะเป็นบุตรบุญธรรมถูกต้องตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนแล้วทั้งมารดาของผู้เยาว์ก็ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ให้ความยินยอมที่ด้านหลังคำร้องนี้ด้วย ถือได้ว่าคำร้องขอจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมนี้ได้ทำตามแบบโดยชอบแล้ว และการที่ช่องลายมือชื่อผู้ร้องขอจดทะเบียนในทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมไม่มีลายมือชื่อบุตรบุญธรรม แต่ด้านหลังมีบันทึกปากคำของผู้รับบุตรบุญธรรมและผู้ให้ความยินยอม ซึ่งมารดาอันเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ได้ให้ความยินยอมโดยมีลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ความบกพร่องดังกล่าวไม่ทำให้การจดทะเบียนไม่สมบูรณ์และแม้บันทึกด้านหลังทะเบียนนั้นจะไม่ได้ลงวันเดือนปีไว้ด้วย แต่เมื่อเห็นได้ชัดว่านายทะเบียนได้ทำในวันเวลาเดียวต่อเนื่องกับรายการจดทะเบียนด้านหน้า เหตุเพียงเท่านี้ก็ไม่ทำให้การจดทะเบียนไม่สมบูรณ์เช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ผู้เป็นทายาทได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางเปลี่ยน สังเวช จำเลยคัดค้านว่าจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของนางเปลี่ยน ขอให้ยกคำร้องของโจทก์ และตั้งนายปันหยีในฐานะผู้ปกครองของจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก การที่จำเลยคัดค้านเช่นนี้ทำให้กองมรดกและทายาทอื่นเสียหาย เพราะโจทก์ถือว่าการจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมนั้นไม่ได้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม

จำเลยให้การว่า การจดทะเบียนรับเด็กชายปรีชา สุระเดชาวุธเป็นบุตรบุญธรรมของนายเปลี่ยน ได้กระทำถูกต้องด้วยกฎหมายทุกประการและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

ฎีกาข้อ 1 ที่ว่านายปันหยีไม่ใช่บิดาและผู้ใช้อำนาจปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายปรีชา การที่นายปันหยีลงชื่อในคำร้องขอจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม จึงไม่สมบูรณ์นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า เด็กชายปรีชาผู้เยาว์เป็นบุตรของนายปันหยีกับนางบุญศรีสามีภริยาซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ศาลเพิ่งสั่งให้นายปันหยีเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์หลังจากการจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมแล้ว แต่เมื่อยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนขอจดทะเบียนการรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมนั้น บิดามารดาของผู้เยาว์และพนักงานเจ้าหน้าที่ต่างเบิกความยืนยันว่าได้มีการสอบถามและไต่สวนทั้งฝ่ายผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรมถูกต้องตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมแล้ว ทั้งยังปรากฏว่านางบุญศรีมารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมในขณะนั้นได้ลงชื่อเป็นผู้ให้ความยินยอมในคำร้องขอจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมด้านหลังด้วย กรณีเช่นนี้ พอถือได้ว่าคำร้องขอจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมได้ทำตามแบบ คร.13 โดยชอบแล้ว

ส่วนฎีกาข้อ 2 และข้อ 3 นั้น เห็นว่าแม้ปรากฏตามทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมในรายการที่ 9 ช่องบุตรบุญธรรมไม่มีลายมือชื่อของบุตรบุญธรรมก็จริง แต่ในเวลานั้นบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์มีอายุเพียง 8 ปี กรณีเช่นนี้นางบุญศรีมารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมต้องลงลายมือชื่อแทนก็ไม่ได้ลงไว้ แต่ปรากฏชัดจากทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมด้านหลัง มีบันทึกปากคำของผู้รับบุตรบุญธรรมและผู้ให้ความยินยอมเป็นหลักฐานว่า นางบุญศรีได้ให้ความยินยอมแล้ว การที่นางบุญศรีมิได้ลงลายมือชื่อแทนเด็กชายปรีชาในทะเบียนช่องลายมือชื่อของผู้ร้องขอจดทะเบียนด้วย ไม่ทำให้การจดทะเบียนไม่สมบูรณ์ และตามเอกสารทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมและพฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่าการบันทึกดังกล่าวได้ทำในวันเวลาเดียวกันต่อเนื่องกับรายการจดทะเบียนด้านหน้า การที่บันทึกนี้ไม่ได้ลงวันเดือนปีไว้ น่าจะเป็นเพราะพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องลงวันเดือนปีซ้ำอีก จึงไม่พอถือว่าการจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมไม่สมบูรณ์เช่นกัน เห็นว่าการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมรายนี้ ผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรมและผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม ทั้งสองฝ่ายได้ให้ถ้อยคำและปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายในเรื่องรับบุตรบุญธรรมแล้ว จึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ความบกพร่องดังกล่าวยังไม่เป็นเหตุให้เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมได้

พิพากษายืน

Share