แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาโดยอ้างว่าในวันนัดนั้นทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่น ข้ออ้างของทนายจำเลยเป็นความจริงทั้งเป็นกรณีที่มีเหตุอันสมควร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 179 วรรคสอง แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและทำการพิจารณาพิพากษาไปเลย จึงเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาศาลฎีกาจึงให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้บังอาจใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายพัดดวงประทุม 1 นัดโดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกนายมุย วินทะไชย ที่ขาขวาได้รับบาดเจ็บ จำเลยกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล คนทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60, 91ริบปืนของกลาง
จำเลยรับสารภาพในข้อหามีอาวุธปืน แต่ปฏิเสธในข้อหาพยายามฆ่า
ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อน ศาลไม่อนุญาต เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลสืบพยานโจทก์โดยไม่อนุญาตให้จำเลยขอเลื่อนการพิจารณาเป็นการพิจารณาไม่ชอบ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2513 และในวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยได้แต่งทนายยื่นต่อศาล ศาลนัดพิจารณาสืบพยาน โจทก์วันที่ 13 มีนาคม 2513ครั้นวันที่ 5 มีนาคม 2513 ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์นั้นทนายจำเลยติดว่าความในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 72/2513 ที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้นัดไว้ก่อน ศาลชั้นต้นให้รอฟังคำสั่งในวันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 72/2513 ของศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) แล้ว ปรากฏว่าศาลจังหวัดร้อยเอ็ดได้สั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2513 ส่งถ้อยคำสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 72/2513 ไป ขอให้ศาลจังหวัดอุบลราชธานีสืบพยานโจทก์ให้ โดยขอให้ศาลนั้นนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ที่ส่งประเด็นไปสืบ ณ วันที่ 13 มีนาคม 2513 เวลา 8.30 นาฬิกา ซึ่งทนายจำเลยในคดีอาญาดังกล่าวเป็นทนายคนเดียวกับทนายจำเลยในคดีนี้ด้วย และปรากฏด้วยว่าทนายจำเลยได้ไปว่าความที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานีตามวันนัดนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ กรณีทนายจำเลยในคดีนี้ยื่นคำร้องลงวันที่ 5 มีนาคม 2513 ขอเลื่อนการพิจารณาสืบพยานโจทก์ในคดีนี้ ซึ่งศาลชั้นต้นนัดพิจารณาไว้ ณ วันที่ 13 มีนาคม 2513 โดยอ้างว่าทนายจำเลยต้องไปว่าความแก้ต่างให้จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 72/2513 ที่ศาลจังหวัดอุบลราชธานีในวันเดียวกันนั้นจึงเป็นความจริง ทั้งเป็นกรณีที่มีเหตุอันสมควร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 179(2) แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี อันเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ย่อมเป็นการจำเป็นที่จะให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2)ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์