คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสมัครใจดื่มสุราเองและขณะกระทำความผิดก็มีความรู้ผิดชอบเป็นอย่างดีจะอ้างว่าได้กระทำความผิดไปด้วยความไร้สติ ไม่รู้ผิดรู้ชอบและไม่สามารถบังคับตนเองได้อันเนื่องมาจากจำเลยดื่มสุรา เป็นข้ออ้างให้ศาลลดหย่อนผ่อนโทษหาได้ไม่
หลังจากผู้ตายร้องให้ช่วยประมาณ 5 นาทีเศษ ว. กับพวกได้ไปยังที่เกิดเหตุพบรอยหญ้าราบจากไหล่ถนนลงไปในคูน้ำ มีจำเลยซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำ และต่อมาได้พบศพผู้ตายอยู่ห่างจากที่จำเลยซ่อนตัวอยู่ประมาณ 1 ศอกที่ตัวผู้ตายและตัวจำเลยมีบาดแผล แสดงว่าผู้ตายต่อสู้ขัดขวางจำเลย เมื่อตรวจศพผู้ตายหลังจากเกิดเหตุประมาณ 7 ชั่วโมงเศษก็พบน้ำอสุจิและตัวอสุจิในช่องคลอดผู้ตายจำนวนมาก สาเหตุที่ตายเพราะขาดอากาศเนื่องจากถูกบีบคอและสำลักน้ำ ข้อเท็จจริงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายและฆ่าผู้ตายโดยวิธีกดให้จมน้ำจนสำลักน้ำตายเพื่อปกปิดความผิดของจำเลย โดยไม่จำเป็นต้องนำคำรับสารภาพของจำเลยมาประกอบการพิจารณา ดังนั้น การที่จำเลยให้การรับสารภาพจึงหาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอันจะเป็นเหตุให้ได้รับการบรรเทาโทษไม่ เพราะจำเลยให้การรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานหลักฐาน
การกระทำความผิดครั้งแรกมิใช่เหตุบรรเทาโทษที่จะลดโทษได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้พกพาอาวุธมีดปลายแหลม ๑ เล่มไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และจำเลยได้ใช้กำลังและมีดทำร้ายนางจิตรลดาผู้ตาย กดร่างผู้ตายให้ใบหน้าอยู่ใต้คูน้ำสาธารณะจนผู้ตายสำลักน้ำสลบไป แล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย ๑ ครั้ง หลังจากนั้นได้นำร่างของผู้ตายซึ่งยังสลบอยู่ทิ้งลงไปในคูน้ำโดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้ผู้ตายจมน้ำตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๒๗๖, ๒๘๙, ๓๗๑ และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ จำคุก ๒๐ ปี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ ปรับ ๑๐๐ บาท และผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ให้ประหารชีวิตจำเลย เมื่อศาลได้พิพากษาประหารชีวิตจำเลยอันเป็นโทษสูงสุดแล้ว จึงไม่อาจเรียงกระทงลงโทษในข้อหาอื่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษประหารชีวิตโดยอ้างว่า (๑) จำเลยกระทำไปด้วยความไร้สติ ไม่รู้ผิดชอบและไม่สามารถบังคับตนเองได้อันเนื่องมาจากจำเลยดื่มสุรา (๒) จำเลยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมิต้องขู่เข็ญบังคับใด ๆ ทั้งสิ้น (๓) จำเลยกระทำความผิดครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของจำเลยข้อแรกนั้น ได้ความว่าจำเลยสมัครใจดื่มสุราเองและขณะกระทำความผิดก็มีความรู้ผิดชอบเป็นอย่างดี จะอ้างว่าได้กระทำความผิดไปด้วยความไร้สติ ไม่รู้ผิดรู้ชอบและไม่สามารถบังคับตนเองได้ อันเนื่องมาจากจำเลยดื่มสุรา เป็นข้ออ้างให้ศาลลดหย่อนผ่อนโทษหาได้ไม่
ข้ออ้างของจำเลยข้อต่อมา เห็นว่า โจทก์มีพยานแวดล้อมกรณี คือหลังจากผู้ตายร้องช่วยด้วย ๆ สองครั้งติด ๆ กันประมาณ ๕ นาทีเศษ นายวิชัยกับพวกก็ได้ไปยังที่เกิดเหตุ ฉายไฟดูพบรอยหญ้าราบจากไหล่ถนนลงไปในคูน้ำมีรอยต่อสู้กันมีจำเลยซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำ และต่อมาก็ได้พบศพผู้ตายอยู่ห่างจากที่จำเลยซ่อนตัวอยู่ประมาณ ๑ ศอก ขณะนั้นเป็นเวลา ๑ นาฬิกาเศษ ปกติชนย่อมไม่ไปหลบซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำดังเช่นจำเลย ที่ตัวผู้ตายและที่ตัวจำเลยก็มีบาดแผลด้วยกัน แสดงว่าผู้ตายต่อสู้ขัดขวางจำเลยเห็นได้โดยไม่มีความสงสัยเลยว่าจำเลยได้กระทำผิดมาแล้วสด ๆ เมื่อได้ทำการตรวจศพผู้ตายหลังจากเกิดเหตุประมาณ ๗ ชั่วโมงเศษก็พบน้ำอสุจิในช่องคลอดและพบตัวอสุจิในช่องคลอดผู้ตายจำนวนมาก สาเหตุที่ผู้ตายตายเพราะขาดอากาศเนื่องจากถูกบีบคอและสำลักน้ำดังนี้แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความประกอบ ข้อเท็จจริงก็ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายและฆ่าผู้ตายโดยวิธีกดให้จมน้ำจนสำลักน้ำตายเพื่อปกปิดความผิดของจำเลย โดยไม่จำเป็นต้องนำคำรับสารภาพของจำเลยมาประกอบการพิจารณา ดังนั้นการที่จำเลยให้การรับสารภาพก็ดี นำเจ้าพนักงานไปชี้ที่เกิดเหตุแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพไว้ก็ดี จึงหาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอันจะเป็นเหตุให้ได้รับการบรรเทาโทษไม่เพราะจำเลยให้การรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานหลักฐาน
ส่วนข้ออ้างของจำเลยข้อสุดท้าย เห็นว่า การกระทำความผิดครั้งแรกไม่ใช่เหตุบรรเทาโทษที่จะลดโทษได้
พิพากษายืน

Share