แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการร่วมกับ จ. จำเลยที่ 3 และที่ 5 ในการดำเนินการให้การรับกินรับใช้ในฐานะเจ้ามือเป็นไปจนเสร็จสิ้นในการเล่นการพนันโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งมีทั้งก่อนวันที่ออกรางวัลและหลังจากรางวัลออกแล้ว เมื่อตรวจทราบว่ามีการได้เสียกันเท่าไร หาได้เสร็จสิ้นเมื่อมีการออกรางวัลแล้วเท่านั้น จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดด้วย มิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจ่ายเงินสินบนนำจับให้แก่ผู้นำจับ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 3 และที่ 5 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 4 และที่ 7 ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยเป็นลูกค้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 และที่ 5 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 12 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 12 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 5 คนละ 6 เดือนและปรับคนละ 1,800 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 จำคุกคนละ 4 เดือน และปรับคนละ 1,200 บาท จำเลยที่ 3 และที่ 5 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 900 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยกำหนดเงื่อนไขการคุมความประพฤติไว้ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว โดยให้จำเลยทั้งเจ็ดไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี ให้จำเลยทั้งเจ็ดกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควร มีกำหนดระยะเวลา 20 ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับ
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต 1 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมาย รับรองให้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 12 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 4 เดือน ไม่รอการลงโทษจำคุก ไม่ปรับ และไม่คุมความประพฤติจำเลยทั้งเจ็ด รวมทั้งไม่จ่ายเงินสินบนนำจับให้แก่ผู้นำจับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งเจ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นตัวการกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาว่า จะเป็นตัวการกระทำความผิดต้องกระทำความผิดในขณะเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นและจับเมื่อเวลา 13 นาฬิกา ซึ่งไม่มีการรับพนันขันต่อแล้ว โจทก์ไม่มีพยานคนใดเบิกความว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมรับเป็นเจ้ามือ หรือจดเลข ส่งโทรสาร บันทึกข้อมูลลงในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หลักฐานที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้เป็นโพยสลากกินรวบ 92 แผ่นซึ่งต้องมีการกระทำก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นวันที่สลากรางวัลออก เมื่อเกิดเหตุความผิดแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 คงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น นั้นเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการร่วมกับนางจุฑาทิพย์ จำเลยที่ 3 และที่ 5 ในการดำเนินการให้การรับกินรับใช้ในฐานะเจ้ามือเป็นไปจนเสร็จสิ้นในการเล่นการพนันโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งมีทั้งก่อนวันที่ออกรางวัลและหลังจากรางวัลออกแล้วเมื่อตรวจทราบว่ามีการได้เสียกันเท่าไร หาได้เสร็จสิ้นเมื่อมีการออกรางวัลแล้วเท่านั้น จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดด้วย มิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยเรื่องนี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน