คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

นอกจากคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนและคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 โดยมีสิบตำรวจโท ช. ผู้จับกุมจำเลยที่ 2 และพันตำรวจโท ม. พนักงานสอบสวนมาเบิกความสนับสนุนแล้ว โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมานำสืบสนับสนุน ทั้งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบโต้แย้งว่ามิได้ให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ ดังนั้น ลำพังแต่เพียงคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและสอบสวน และคำให้การซัดทอดของจำเลยที่ 1 โดยมีผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนมาเบิกความสนับสนุนดังกล่าว โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมานำสืบสนับสนุนยังไม่สามารถนำมารับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานรับของโจร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7), 357
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 2 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คนละหนึ่งในสามคงจำคุกจำเลยทั้งสอง คนละ 1 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุมีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขพย สงขลา 109 ของบริษัทอริยะมอเตอร์ จำกัด ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายสุภาพผู้เสียหายไปปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ โจทก์มีสิบตำรวจโทชัชนันผู้จับกุมจำเลยที่ 2 มาเบิกความว่าเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 เวลาประมาณ 16 นาฬิกา นางอุทัยวรรณมาแจ้งที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ว่าเมื่อเวลา 7 นาฬิกา ของวันเดียวกัน ได้จอดรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขพย สงขลา 109 ไว้ที่หน้าโรงแรมโนราพลาซ่า ต่อมาเวลาประมาณ 14 นาฬิกา ได้ออกมาดูปรากฏว่ารถจักรยานยนต์หายไป ในเวลาประมาณ 21 นาฬิกา ของวันเดียวกันสิบตำรวจโทชัชนันได้รับแจ้งจากสายลับว่าจำเลยที่ 1 ได้รถจักรยานยนต์มา 1 คัน จะนำไปส่งให้แก่ลูกค้าบริเวณบ้านเขารักเกียรติ ตำบลกำแพงเพชร อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ในช่วงย่ำรุ่ง สิบตำรวจโทชัชนันกับพวกจึงไปซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว ในเวลา 3.30 นาฬิกา ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2545 สักครู่หนึ่งเห็นจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายผ่านมา โดยรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจึงเรียกตรวจค้น จำเลยที่ 1 รับว่าได้รถจักรยานยนต์มาจากจำเลยที่ 2 จึงควบคุมตัวจำเลยที่ 1 และนำรถจักรยานยนต์ไปที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จากนั้นติดตามไปจับจำเลยที่ 2 ได้ที่บ้านของจำเลยที่ 2 ชั้นจับกุมแจ้งข้อหาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่าลักทรัพย์หรือรับของโจร จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานรับของโจร และมีพันตำรวจโทมานิตย์พนักงานสอบสวนมาเบิกความว่าชั้นสอบสวนแจ้งข้อหาจำเลยที่ 1 และที่ 2 เช่นเดียวกับชั้นจับกุม จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานรับของโจร โดยจำเลยที่ 2 ให้การในรายละเอียดว่า จำเลยที่ 2 รับรถจักรยานยนต์ของกลางมาจากนายสรอนันต์หรือนกจำเลยที่ 2 ทราบจากนายสรอนันต์ว่านายสรอนันต์ลักรถจักรยานยนต์ของกลางจากในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เห็นว่า นอกจากคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนและคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 โดยมีสิบตำรวจโทชัชนันผู้จับกุมจำเลยที่ 2 และพันตำรวจโทมานิตย์พนักงานสอบสวนมาเบิกความสนับสนุนแล้ว โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมานำสืบสนับสนุน ทั้งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบโต้แย้งว่ามิได้ให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ ดังนั้น ลำพับแต่เพียงคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและสอบสวน และคำให้การซัดทอดของจำเลยที่ 1 โดยมีผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนมาเบิกความสนับสนุนดังกล่าว โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมานำสืบสนับสนุนยังไม่สามารถนำมารับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานรับของโจรที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share