แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เข้าทำนาในที่ดินพิพาทระหว่างที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนจนกระทั่งคดีก่อนถึงที่สุดและยังคงครอบครองตลอดมา โจทก์ไม่ได้ทำนาในที่ดินพิพาทเลย การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกค่าขาดประโยชน์ในการที่โจทก์ไม่ได้เข้าทำนาในที่ดินพิพาท จึงเป็นการอ้างเหตุที่เกิดขึ้นหลังจากโจทก์ฟ้องคดีก่อน ไม่ใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ทั้งสามฟ้องจำเลยให้รับผิดโดยแยกทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องมาชัดเจนเป็นส่วนของแต่ละคน มิได้เรียกร้องรวมกันมา เมื่อทุนทรัพย์ของโจทก์ทั้งสามไม่เกินคนละ 200,000 บาท จำเลยจะฎีกาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโจทก์แต่ละคนไม่ได้ ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามคนละ 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยมากเกินไปเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ค่าเสียหายใน พ.ศ.2533ซ้ำ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้