คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6153/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความที่ว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี กับข้อความที่ว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเกิน 1 ปี มีความหมายแตกต่างกัน หามีความหมายเหมือนกันไม่ กล่าวคือ ข้อความที่ว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นั้น หมายความว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยระยะเวลาตั้งแต่วันครบ 1 ปี เป็นต้นไป ส่วนข้อความที่ว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเกิน 1 ปี หมายความว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยระยะเวลาถัดจากวันครบ 1 ปี เป็นต้นไปดังนั้น ที่โจทก์นำดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองผิดนัดค้างชำระงวดที่สามและงวดที่สี่มาทบต้นในวันครบกำหนด 1 ปี พอดีจึงถือได้ว่าโจทก์ได้นำดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองผิดนัดค้างชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี มาทบต้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาแล้ว ดอกเบี้ยหาตกเป็นโมฆะไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน 678,686.44 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ในต้นเงิน628,961.54 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยในแต่ละปีนับถัดจากวันฟ้องไปทุก ๆ ปี จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น หากไม่ชำระและโจทก์ได้จ่ายแทนไปก็ให้โจทก์มีสิทธิบังคับชำระเงินที่โจทก์จ่ายแทนไปจากจำเลยทั้งสอง หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระก็ขอให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ที่จดทะเบียนจำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์หากไม่พอก็ขอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์จะมีฐานะเป็นนิติบุคคลจริงหรือไม่ จะมีใครเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน จำเลยทั้งสองไม่ทราบผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี เพราะประกาศกระทรวงการคลังให้อำนาจโจทก์คิดดอกเบี้ยได้ในอัตราดังกล่าวได้ยกเลิกไปแล้ว โจทก์คงมีสิทธิคิดได้เพียงไม่เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี หนังสือสัญญากู้เงินเป็นเอกสารปลอมโจทก์คิดดอกเบี้ยจากจำเลยทั้งสองในอัตราร้อยละ 16 ต่อปีต้นเงินจึงผิดไปจากข้อตกลงในสัญญาและผิดกฎหมาย ดอกเบี้ยทั้งหมด จึงตกเป็นโมฆะสัญญาจำนองเป็นเอกสารปลอมหรือเป็นโมฆะ การบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทั้งสองนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน634,606.35 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ12.5 ต่อปี ในต้นเงิน 622,065.29 บาท นับแต่วันที่ 30สิงหาคม 2532 เป็นต้นไปจนถึงวันฟ้อง (วันที่ 23กุมภาพันธ์ 2533) และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16 ต่อปีในต้นเงิน 622,065.29 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระก็ให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19437 ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด เอาเงินชำระหนี้โจทก์หากไม่พอก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีข้อวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้หรือไม่เพียงใดจำเลยทั้งสองฎีกาว่า ข้อความในสัญญากู้ที่จำเลยทั้งสองทำไว้กับโจทก์ข้อ 4 ตามเอกสารหมาย จ.5 ที่ว่าผู้กู้ผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี มีความหมายเหมือนกับข้อความที่ว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี ดังนั้นการที่โจทก์นำดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองผิดนัดค้างชำระงวดที่สามและงวดที่สี่มาทบต้นในวันครบกำหนด 1 ปี พอดี เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าวดอกเบี้ยจึงตกเป็นโมฆะ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี กับข้อความที่ว่า ผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเกิน 1 ปี มีความหมายแตกต่างกัน หามีความหมายเหมือนกันดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาไม่ กล่าวคือ ข้อความที่ว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นั้นหมายความว่าผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยระยะเวลาตั้งแต่วันครบ1 ปี เป็นต้นไป ส่วนข้อความที่ว่า ผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยเกิน 1 ปี หมายความว่า ผิดนัดค้างชำระดอกเบี้ยระยะเวลาถัดจากวันครบ 1 ปี เป็นต้นไป ดังนั้น ที่โจทก์นำดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองผิดนัดค้างชำระงวดที่สามและงวดที่สี่มาทบต้นในวันครบกำหนด 1 ปี พอดี จึงถือได้ว่าโจทก์ได้นำดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองผิดนัดค้างชำระเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี มาทบต้นเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาข้อ 4แล้ว ดอกเบี้ยหาตกเป็นโมฆะดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาไม่
พิพากษายืน

Share