แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเช่าห้องอยู่อาศัยโดยเสียค่าเซ้งจากผู้เช่าคนเดิม ต่อมา 2 – 3 ปี จึงค้าขายบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ได้ 5 – 6 ปี ก็จดทะเบียนพาณิชย์เสียภาษีโรงค้า ภาษีป้าย มิได้ค้าเป็นล่ำเป็นสันไม่ใหญ่โตและคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยเช่นเดิมทั้งหามีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นไม่, ดังนี้ย่อมถือว่าห้องรายนี้เป็นเคหะตามนัยแห่งพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องซึ่งจำเลยเช่าประกอบการค้า อันอยู่ในทำเลยการค้า โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว.จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ. ในชั้นพิจารณา ต่างแถลงรับกันให้มีประเด็นเหลือเพียงว่าห้องรายนี้เป็นเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ หรือไม่
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันยกฟ้องโจทก์ว่าห้องนี้เป็นเคหะอยู่ในความควบคุมแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาแล้วจำเลยต้องเสียค่าเซ้งห้องรายนี้แล้วจึงอพยพมาอยู่ จำเลยมาอยู่ทีแรกไม่ได้ทำการค้าอะไรเลย มาอยู่แล้ว ๒ – ๓ ปี จำเลยค้าขายบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ จำเลยอยู่ได้ ๕ – ๖ ปี จำเลยจดทะเบียนพาณิชย์ เสียภาษีโรงค้า เสียภาษีป้ายนามยี่ห้อ แต่การค้าของจำเลยไม่เป็นล่ำเป็นสันไม่ใหญ่โต ส่วนการใช้ห้องเป็นที่อยู่จำเลยให้เป็นที่อยู่อาศัยอย่างเดิม จำเลยไม่มีที่อยู่อาศัยแห่งอื่นอีก ข้อเท็จจริงได้ความตามที่กล่าวมานี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ชี้ว่าห้องรายนี้เป็นเคหะที่อยู่อาศัยในความความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ชอบแล้ว
พิพากษายืน.