แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะไห้ผู้ไห้ถ้อยคำสาบานหรือปติญานตนเสียก่อนหรือไม่ไนการสอบสวนนั้น  เปนอำนาดของพนักงานสอบสวน  ฉนั้นแม้จะไม่ไห้สาบานหรือปติญานตนก็ไม่ทำไห้การสอบสวนเสียไป
การที่พนักงานสอบสวนเรียกผู้ไห้ถ้อยคำมาแล้วอ่านถ้อยคำที่นายตำหรวดผู้อื่นได้ถามและจดไว้ไห้ฟังและสอบถามผู้ไห้ถ้อยคำเพื่อไห้รับรอง  และสอบถามเพิ่มเติมนั้น  ถือได้ว่าเปนการสอบสวนที่ถูกต้อง
ย่อยาว
คดีนี้โจทฟ้องหาว่าจำเลยลักเล่นการพนัน+โดยไม่ได้รับอนุญาต  สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์พิพากสาต้องกันไห้ลงโทสจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ส. ๒๔๗๘  มาตรา ๑๒
จำเลยดีกาไนเรื่องสอบสวน
สาลดีกาวินิฉัยว่า  ที่จำเลยอ้างว่า  ผู้มีอำนาดทำการสอบสวนต้องลงมือทำการสอบสวนเองและก่อนที่จะลงมือสอบสวนต้องไห้สาบานหรือปติญานตัวเสียก่อนนั้น  การที่จะไห้พยานสาบานหรือปติญานต์หรือไม่ ไม่สำคัน  เพราะประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๑๓๓  วัค ๒ ไม่ได้บังคับ  เปนแต่ไห้อำนาจพนักงานสอบสวนว่าจะไห้ผู้ไห้ถ้อยคำสาบานหรือปติญานตัวเสียก่อนก็ได้  ส่วนการที่ ร.ด.ต. อุดม (ซึ่งเปนผู้มีอำนาดทำการสอบสวน)  ได้เรียกไห้ผู้ไห้ถ้อยคำมาแล้วอ่านถ้อยคำที่ ร.ด.ต. สวัสดิ์ได้จดไว้และสอบถามเพิ่มเติมนั้น  จะเรียกว่าไม่เปนการสอบสวนนั้นไม่ได้  เพราะไม่มีกดหมายห้าม ร.ด.ต. อุดมมิได้ถือเอาบันทึกที่ ร.ด.ต. สวัสดิ์จดไว้โดยลำพัง  แต่ได้เรียกไห้ผู้ไห้ถ้อยคำมาสอบถามอีกเพื่อให้รับรองและทั้งได้สอบถามเพิ่มเติม สาลดีกาเห็นว่าเปนการสอบสวนถูกต้องตรงตามความประสงค์ของประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๑๓๓ และ ๑๓๙  แล้ว จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์.

