คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6128/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้ครอบครองที่ดินมีโฉนดของโจทก์ไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่จำเป็นที่จำเลยต้องรู้มาก่อนว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์แล้วแย่งการครอบครองเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยและบริวารทั้งหมดออกไปจากที่ดินของโจทก์พร้อมกับรื้อถอนไม้ไผ่และส่วนต่อเติมครัวเรือนออกไปด้วยและส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 5089 เนื่องจากจำเลยได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ประมาณ 155 ตารางวา โดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเป็นเวลา 10 ปีเศษ ดังนั้นจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ เมื่อจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยจึงมิได้ละเมิดบุกรุกที่ดินของโจทก์ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนไม้ไผ่กับส่วนต่อเติมครัวเรือนของจำเลย ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5089ตำบลท่าจีน (ท่าฉลอม) อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครและส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะรื้อถอนรั้วไม้ไผ่ ส่วนต่อเติมครัวเรือนออกจากที่ดินโจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกกลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนเองนั้น จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 5089 ของฝ่ายโจทก์ไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หาจำเป็นที่ทางฝ่ายจำเลยต้องรู้มาก่อนว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์แล้วแย่งการครอบครองเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ดังโจทก์ฎีกาไม่”
พิพากษายืน

Share