คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6126/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาโดยลอกคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมาทั้งหมดชนิดคำต่อคำ แต่คำวินิจฉัยศาลชั้นต้นถูกศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเสียแล้วโดยจำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องอย่างไรและที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ทั้งยังเป็นฎีกาที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นฎีกาที่นอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งมีจำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายต่อมาโจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารเพื่อให้เรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 27,290 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆกับโจทก์ และโจทก์มิใช่ผู้ทรงโดยสุจริตเพราะนำเช็คพิพาทมาฟ้องโดยรู้อยู่แล้วว่ามูลหนี้ตามเช็คได้ระงับแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน27,290 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองฎีกาโดยลอกคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมาทั้งหมดชนิดคำต่อคำ แต่คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับเสียแล้ว โดยจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่า ไม่ถูกต้องอย่างไรและที่ถูกต้องเป็นอย่างไรทั้งฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คผู้ถือเนื่องจากไม่ปรากฏว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดเทียมเฮงได้โอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์และโจทก์เรียกเก็บเงินแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดเทียมเฮงผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ ฎีกาจำเลยทั้งสองจึงนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาแก่จำเลยทั้งสองค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share