คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612-613/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสั่งซื้อกาแฟจากต่างประเทศก่อนมีประกาศควบคุม ภายหลังมีประกาศควบคุม จำเลยได้ยื่นคำขอและได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จำเลยย่อมไม่มีความผิด
แม้พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16 ซึ่งบัญญัติเป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงว่าผู้กระทำมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่จำเลยจะต้องมีเจตนาฉ้อภาษีอยู่ด้วย จึงจะผิดตามนัยฎีกาที่ 942/2503

ย่อยาว

คดีทั้ง ๒ สำนวนศาลรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจร่วมกันนำเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศอันเป็นสินค้าต้องห้ามมิให้นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอก และการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๓, ๙ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกาควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๑๖, ๑๗ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ประกาศกระทรวงเศรษฐการเรื่องการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๐๕ ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๐๕ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จ ในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. ๒๔๘๙ มาตรา ๘, ๙ ริบของกลาง ให้จ่ายค่าสินบนและค่ารางวัลแก่ผู้นำจับและผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้สั่งซื้อกาแฟจากต่างประเทศก่อนมีประกาศห้ามนำสินค้ากาแฟเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อจำเลยทราบประกาศได้รีบขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนเรือบรรทุกเข้ามา และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ได้ขอเสียภาษีและรับกาแฟของกลาง แต่เจ้าพนักงานศุลกากรกลับไม่อนุญาต จำเลยทั้ง ๒ สำนวนจึงได้ฟ้องกรมศุลกากรกับพวกเป็นจำเลยซึ่งคดีกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาศาลแพ่ง จำเลยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยสั่งกาแฟของกลางเข้ามาก่อนมีประกาศห้ามนำเข้า และได้ขวนขวายขอรับอนุญาตในโอกาสแรกที่ได้ทราบประกาศ จนได้รับอนุญาตในวันเดียวกับที่เรือเข้ามาถึง กรณีเป็นเรื่องฉุกเฉินจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ถนัด ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๑๕/๒๔๘๓ และพฤติการณ์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฉ้อภาษีตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๔๒/๒๕๐๓ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่มีพฤติการณ์หรือข้อเท็จจริงในคดีส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศหรือกฎหมาย พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ โดยเห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลฎีกาสั่งรับฎีกา โจทก์ในปัญหาข้อกฎหมาย ๒ ข้อ คือ การที่จำเลยได้รับอนุญาตหลังจากนำสินค้าที่ควบคุมเข้ามาในราชอาณาจักร ไม่เป็นผลให้ใบอนุญาตนั้นลบล้างความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว ข้อหนึ่ง และที่ศาลล่างวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดนั้น พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๑๖ บัญญัติให้ถือว่าเป็นความผิด โดยไม่คำนึงว่าผู้กระทำผิดมีเจตนาหรือไม่ อีกข้อหนึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยสั่งซื้อกาแฟก่อนมีประกาศควบคุมและเมื่อทราบประกาศได้รีบยื่นขอรับอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๑๕/๒๔๘๓ แม้พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๑๖ บัญญัติให้เป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงว่าผู้กระทำมีเจตนาหรือไม่นั้นก็ตาม แต่จำเลยต้องมีเจตนาฉ้อภาษีอยู่ด้วย จึงจะผิดตามนัยฎีกาที่ ๙๔๒/๒๕๐๓
พิพากษายืน

Share