คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะให้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เมื่อโจทก์ยังมิได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทและลูกหนี้ตามคำพิพากษายังมิได้จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ที่ดินพิพาทจึงยังไม่เป็นของโจทก์การที่จำเลยอยู่ในที่ดินพิพาทและถือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้จึงหาเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ไม่โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า ศาลชั้นต้น ได้ มี คำพิพากษา ตาม สัญญา ประนีประนอมยอมความ ใน คดี ที่ โจทก์ ฟ้อง นาย อินต๊ะ มากสุข เป็น จำเลย ให้ นาย อินต๊ะ จำเลย ทำการ ไถ่ถอน จำนอง ที่ดินพิพาท ตาม หนังสือ รับรอง การ ทำประโยชน์ เล่ม ที่ 2 หน้าที่ 42 จาก ธนาคาร แล้ว จดทะเบียน โอนที่ดินพิพาท ให้ แก่ โจทก์ ภายใน 7 วัน หาก นาย อินต๊ะ ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้ ถือเอา คำพิพากษา ของ ศาล แทน การแสดง เจตนา ที่ดินพิพาท และ เอกสารสิทธิของ ที่ดินพิพาท จึง ตกเป็น สิทธิ ของ โจทก์ แต่ นาย อินต๊ะ เคย นำ ที่ดิน พิพาท ไป ขายฝาก ไว้ แก่ จำเลย และ มอบ ให้ จำเลย ครอบครอง ทำกิน ใน ที่ดินพิพาท ตั้งแต่ ปี 2527 และ นาย อินต๊ะ ได้ จดทะเบียน จำนอง ที่ดินพิพาท ค้ำประกัน หนี้ เงินกู้ จำเลย ไว้ แก่ ธนาคาร ต่อมา จำเลย ได้ ชำระหนี้และ ได้รับ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ จาก ธนาคาร ผู้รับจำนอง แล้วแต่ จำเลย ไม่ยอม คืน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ให้ แก่ นาย อินต๊ะ เพื่อ ไป จดทะเบียน ไถ่ถอน จำนอง ทั้ง ยัง ยึดถือ ครอบครอง ทำกิน ใน ที่ดินพิพาท ขอให้ บังคับ จำเลย คืน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ เล่ม ที่ 2หน้าที่ 42 ให้ แก่ โจทก์ ให้ จำเลย และ บริวาร ออก ไป จาก ที่ดินพิพาทและ ห้ามเข้า ไป เกี่ยวข้อง รบกวน การ ครอบครอง ที่ดินพิพาท อีก ต่อไป
จำเลย ให้การ ว่า โจทก์ กับ จำเลย ไม่เคย มี นิติสัมพันธ์ ต่อ กันจำเลย เป็น เจ้าของ ที่ดินพิพาท โดย ซื้อ จาก นาย อินต๊ะ มากสุข โดย ชำระ ราคา ครบถ้วน แล้ว จำเลย ครอบครอง ที่ดินพิพาท ตลอดมา นาย อินต๊ะ ไม่มี สิทธิ นำ ที่ดินพิพาท ไป ขาย ให้ โจทก์ โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ระหว่าง พิจารณา ของ ศาลฎีกา โจทก์ ถึงแก่กรรม นาย มูล บุญวงศ์ บิดา ของ โจทก์ ยื่น คำร้องขอ เข้า เป็น คู่ความ แทน ศาลฎีกา อนุญาต
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ในเบื้องต้น ว่า นาย อินต๊ะ มากสุข มี ชื่อ เป็น เจ้าของ ใน หนังสือ รับรอง การ ทำประโยชน์ ที่ดินพิพาท แต่ จำเลย เป็น ผู้ครอบครอง ที่ดินพิพาท และ ถือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่ดินพิพาท ไว้ โจทก์ ได้ฟ้อง นาย อินต๊ะ ต่อ ศาลชั้นต้น ตาม คดีแพ่ง หมายเลขแดง ที่ 485/2534ซึ่ง ศาลชั้นต้น พิพากษา ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ให้ นาย อินต๊ะ ไถ่ถอน จำนอง ที่ดินพิพาท จาก ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด สาขา เชียงคำ แล้ว จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาท ให้ แก่ โจทก์ ภายใน 7 วัน หาก ไม่ปฏิบัติตาม ให้ ถือเอา คำพิพากษา ของ ศาล แทน การแสดง เจตนา นาย อินต๊ะ ยัง มิได้ ส่งมอบ การ ครอบครอง ที่ดินพิพาท และ ยัง มิได้ จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาทให้ แก่ โจทก์ ที่ โจทก์ ฎีกา ขอให้ ขับไล่ จำเลย ออกจาก ที่ดินพิพาท และให้ จำเลย ส่งมอบ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ แก่ โจทก์ นั้น เห็นว่าคดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ขับไล่ จำเลย และ ให้ จำเลย ส่งมอบ หนังสือ รับรองการ ทำประโยชน์ ที่ดินพิพาท แก่ โจทก์ โดย อ้างว่า ที่ดินพิพาท และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตกเป็น สิทธิ ของ โจทก์ แล้ว เมื่อข้อเท็จจริง ฟัง เป็น ยุติ ว่า โจทก์ เป็น เพียง เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของ นาย อินต๊ะ ใน อัน ที่ จะ ให้ นาย อินต๊ะ จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาท ให้ แก่ โจทก์ โดย ปลอด จำนอง เท่านั้น โจทก์ ยัง มิได้ เข้า ครอบครอง ที่ดินพิพาท และ นาย อินต๊ะ ก็ ยัง มิได้ จดทะเบียน โอน ที่ดินพิพาท ให้ แก่ โจทก์ ที่ดินพิพาท จึง ยัง ไม่ได้ ตกเป็น ของ โจทก์ การ ที่ จำเลย อยู่ ในที่ดินพิพาท และ ถือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ที่ดินพิพาท จึงไม่เป็น การ โต้แย้ง สิทธิ ของ โจทก์ โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง ปัญหา เรื่องอำนาจฟ้อง เป็น ข้อกฎหมาย อัน เกี่ยว ด้วย ความสงบ เรียบร้อย ของ ประชาชนแม้ ไม่มี คู่ความ ฝ่ายใด ยกขึ้น ฎีกา ศาลฎีกา ก็ มีอำนาจ ยกขึ้น วินิจฉัยได้เอง คดี ไม่จำต้อง วินิจฉัย ฎีกา ข้อ อื่น ของ โจทก์ อีก ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ใน ผล ฎีกาของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share