แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในถนนสาธารณะ ในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป และยิงปืนในหมู่บ้านมีเหตุสมควรเพื่อป้องกันเหตุร้าย ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย พฤติการณ์ของจำเลยที่ว่ามีเหตุสมควรหรือไม่อย่างไร เป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกา ตามบทกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง ที่แก้ไขแล้ว ให้เรียงกระทงลงโทษ ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 3 เดือน ฐานยิงปืนในหมู่บ้านโดยใช่เหตุ จำคุก 9 วัน รวมจำคุก 10 ปี 3 เดือน 9 วันจำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 10 เดือน 6 วัน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในถนนสาธารณะ ในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร และข้อหาความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้านนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป และยิงปืนในหมู่บ้านมีเหตุสมควรเพื่อป้องกันเหตุร้าย ไม่ต้องห้ามตามกฎหมายนั้น เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่ว่ามีเหตุสมควรหรือไม่อย่างไรนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายืน