คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3421/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คพิพาทเป็นเช็คอันสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ย่อมโอนให้แก่กันได้โดยการส่งมอบ เมื่อโจทก์ได้รับเช็คพิพาทไว้ในครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 ถึงแม้โจทก์จะสลักหลังโอนเช็คให้ ป. และ ป. นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ ซึ่งถือว่า ป. เป็นผู้เสียหายในขณะที่เช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงินก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้รับเช็คพิพาทคืนมา โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิเช่นเดียวกับผู้ทรงในการที่จะบังคับเอาแก่ผู้ที่มีความผูกพันอยู่แล้วก่อนตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967ประกอบกับมาตรา 989
การที่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญา หาทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแพ่งไปด้วยไม่
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ที่ด้านหลังเช็ค ย่อมเป็นผู้สลักหลังเมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังอยู่ก่อนโจทก์ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์
หนี้เงินตามเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนั้น จะคิดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งถือว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด จะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ลงในเช็คหาได้ไม่(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 901/2505)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาบางกะปิอันเป็นเช็คชนิดออกให้แก่ผู้ถือ โดยจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะผู้สั่งจ่ายมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง เพื่อชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้มีชื่อ และผู้มีชื่อนำมาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีเงินฝากของตัวแทนโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2522 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายและต่อสู้ในข้ออื่นอีก ขอให้พิพากษายกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่เคยสลักหลังเช็คพิพาทลายมือสลักหลังเป็นลายมือปลอม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามฟ้อง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คไม่มีอำนาจฟ้องและจำเลยที่ 2ไม่ได้สลักหลังเช็คพิพาท

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คอันสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือย่อมโอนให้แก่กันได้โดยการส่งมอบ เมื่อโจทก์ได้รับเช็คพิพาทไว้ในครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 ถึงแม้โจทก์จะสลักหลังโอนเช็คให้นายประสิทธิ์ และนายประสิทธิ์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ ซึ่งถือว่านายประสิทธิ์เป็นผู้เสียหายในขณะที่เช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์มิใช่ผู้เสียหาย แต่เมื่อโจทก์ได้รับเช็คพิพาทคืนมา โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิเช่นเดียวกับผู้ทรงในการที่จะบังคับเอาแก่ผู้ที่มีความผูกพันอยู่แล้วก่อนตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 ประกอบกับ มาตรา 989การที่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญา หาทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแพ่งด้วยไม่

จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ที่ด้านหลังเช็คพิพาท ย่อมเป็นผู้สลักหลัง เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังอยู่ก่อนโจทก์ ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ข้อที่อ้างว่าจำเลยที่ 2เขียนข้อความว่าเป็นพยานในการรับเงินค่าลูกรังของนางกาญจนา จึงไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังนั้น มิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ไม่รับวินิจฉัย

แต่ที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า เพิ่มมีการนำเช็คไปขอรับเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2522 ก่อนหน้านั้นจำเลยไม่ตกเป็นผู้ผิดนัด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 901/2505

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2522 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share