คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6110/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยนั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจวินิจฉัยว่า สมควรจะสืบพยานหรือไม่มิใช่เป็นเรื่งอการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎมหายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 และคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยมีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึง 6 วัน แต่มิได้โต้แย้งไว้ จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหัวหน้าวงแชร์ ค้างชำระเงินค่าแชร์แก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกวงเป็นเงิน ๒๒๙,๓๖๐ บาท ต่อมาจำเลยได้ตกลงกับโจทก์ต่อหน้าศาลชั้นต้น จะผ่อนชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์เป็นงวด ๆ แต่จำเลยผิดนัด ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๑๓๐,๓๖๒ บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๒๙,๓๖๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระครบถ้วนแก่โจทก์และค่าเสียหายอีก ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระครบถ้วนแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ค้างชำระเงินแก่โจทก โจทก์กับจำเลยได้มีการตกลงกันที่จะไม่ดำเนินคดีอีกต่อไป ค่าเสียหาย ๕๐,๐๐๐ บาท ซ้ำกับค่าดอกเบี้ยฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพร้อม คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่าได้มีการตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๖๘๙/๒๕๒๗ ของศาลชั้นต้น และโจทก์ไม่ติดใจเรียกค่าเสียหาย ๕๐,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๑๒๙,๓๖๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๗ จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานต่อไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่จำเลยอ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย ถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์พยานจำเลยในวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๒๘ กฎหมายกำหนดให้คู่ความฝ่ายที่เสียหายมีสิทธิคัดค้านคำสั่งศาลเรื่องผิดระเบียบในเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่า ๘ วัน แต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๒๘ ก่อนกำหนดระยะเวลา ๘ วัน ที่จำเลยมีสิทธิคัดค้านได้จำเลยจึงไม่ต้องคัดค้านคำสั่งนั้น เห็นว่า ที่กฎหมายกำหนดไว้ดังที่จำเลยอ้างนั้น เป็นเรื่องของการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๗ รูปเรื่องไม่ตรงกับในคดีนี้ ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจในอันที่จะวินิจฉัยว่า สมควรจะสืบพยานหลักฐานในคดีหรือไม่ มิได้เป็นเรื่องการพิจารณาที่ผิดระเบียบอย่างใด จึงมิตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งนั้นก่อนที่จะมีคำพิพากษาถึง ๖ วัน เป็นระยะเวลาเพียงพอที่จำเลยจะโต้แย้งคำสั่งได้ แต่จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ กรณีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๖(๒)
พิพากษายืน

Share