คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยขับรถยนต์เข้าไปสั่งให้เติมน้ำมันรถยนต์ที่ปั๊มน้ำมันของผู้เสียหาย เมื่อคนเติมน้ำมันเติมน้ำมันเกือบจะเต็มถังจำเลยพูดว่าไม่มีเงินเดี๋ยวจะเอามาให้ คนเติมน้ำมันบอกว่าต้องไปบอกผู้เสียหายก่อน แต่จำเลยได้ขับรถออกไปทันที ขณะเติมน้ำมันจำเลยไม่ได้ดับเครื่องยนต์รถและฝาปิดถังน้ำมันก็ไม่มีโดยใช้ผ้าอุดไว้แทนแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้วางแผนการไว้เพื่อจะไม่ชำระเงินค่าน้ำมันเมื่อได้น้ำมันมาแล้ว โดยจะรีบหนีไปอันเป็นอุบายอย่างหนึ่งในการที่จะทำให้ลักทรัพย์สำเร็จ พฤิตการณ์แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่ต้นที่จะลักเอาน้ำมันของผู้เสียหาย.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักน้ำมันเบนซินธรรมดาจำนวน 22.8 ลิตรของนายวัชรินทร์ เนื่องจำนงค์ผู้เสียหายโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาทรัพย์ไปขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 336 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องลงโทษจำคุก 1ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังยุติว่าในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้องจำเลยได้ไปเติมน้ำมันใส่ถังในรถยนต์ซึ่งจำเลยขับจากปั๊มของผู้เสียหายโดยจำเลยมิได้ชำระเงินค่าน้ำมัน256 บาท แก่ผู้เสียหายจริงปัญหามีว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่พยานโจทก์ที่รู้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดโดยตลอดคือนายทวี หนูขาวคนเติมน้ำมันให้จำเลยนายทวีเบิกความว่าจำเลยสั่งให้เติมน้ำมัน 300 บาทแต่เมื่อเติมไปได้เป็นเงิน 256 บาท ปรากฏว่าน้ำมันจะเต็มถังพยานจึงชะลอการไหลของน้ำมันลงขณะนั้นพยานยังถือหัวเติมน้ำมันอยู่ที่ปากท่อของถังน้ำมันจำเลยได้พูดว่าไม่มีเงินเดี๋ยวจะเอามาให้พยานจึงบอกว่าต้องไปบอกผู้เสียหายก่อนแต่จำเลยได้ขับรถออกไปทันทีขณะเติมน้ำมันจำเลยไม่ได้ดับเครื่องยนต์รถและฝาปิดถังน้ำมันไม่มีโดยใช้ผ้าอุดไว้แทนเห็นว่าพฤติการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้วางแผนการไว้เพื่อจะไม่ชำระเงินค่าน้ำมันเมื่อได้น้ำมันมาแล้วโดยจะรีบหนีไปอันเป็นอุบายอย่างหนึ่งในการที่จะทำให้ลักทรัพย์สำเร็จ ส่วนที่นายทวีเบิกความว่าระหว่างเติมน้ำมันเห็นจำเลยทำท่าค้นหาของในกระเป๋ากางเกงและกระเป๋าเสื้อก็อาจเป็นอุบายประกอบที่จำเลยจะหลอกนายทวีว่าหาเงินไม่พบเพื่อจะยังไม่ต้องชำระค่าน้ำมันหากจำเลยประสงค์จะเข้าไปซื้อน้ำมันโดยสุจริตใจและทำเงินหายไปจริงจำเลยก็น่าจะได้พูดจากับผู้เสียหายให้รู้เรื่องเป็นหลักเป็นฐานแต่ตรงกันข้ามทั้ง ๆที่นายทวีบอกว่าต้องไปบอกผู้เสียหายก่อนจำเลยกลับขับรถออกไปโดยเร็วจนกระทั่งนายทวีตกตะลึง นายสมชายคนงานผู้เสียหายอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นเบิกความว่านายทวีได้ร้องว่ารถเติมน้ำมันแล้วหนีเช่นนี้มิใช่ลักษณะอาการของผู้ที่สุจริตเมื่อจำเลยถูกจับแล้วผู้เสียหายไปดูที่รถจำเลยปรากฏว่าฝาปิดถังน้ำมันอยู่ในกระบะรถนั่นเองและจำเลยพูดขอร้องมิให้ผู้เสียหายเอาความผิดจะชดใช้ค่าเสียหายให้แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้เตรียมการไว้พร้อมแม้กระทั่งเปิดฝาถังน้ำมันไว้เพื่อจะให้หนีไปได้โดยเร็วเมื่อได้น้ำมันแล้วไม่ต้องพะวงเรื่องฝาถังน้ำมันที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าตนไม่มีเจตนาทุจริตนั้นมีเพียงคำจำเลยเพียงปากเดียวเบิกความลอย ๆ ไม่มีน้ำหนัก เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นดังวินิจฉัยมาแล้วเห็นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่ต้นที่จะลักเอาน้ำมันของผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น’.

Share