แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะมีเงินเดือนเดือนละ 15,420 บาทแต่ก็เป็นเงินเดือนของข้าราชการไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 286(2) โจทก์ย่อมไม่สามารถบังคับคดีแพ่งให้จำเลยชำระหนี้ด้วยเงินเดือนได้ ที่จำเลยอ้างว่ามีรายได้พิเศษจากการเป็นพนักงานขายของเดือนละประมาณ 10,000 บาทแต่จำเลยก็ไม่เคยผ่อนชำระให้แก่โจทก์เลย ส่วนทรัพย์สินที่ มารดา จะยกให้นั้น แม้จะมีอยู่จริงแต่ก็ไม่แน่นอนว่ามารดาจะยกให้จริงหรือไม่ ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวคงฟังได้เฉพาะเรื่องเงินเดือนเท่านั้น ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆฟังไม่ได้ดังที่อ้าง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใดที่จะยึดมาชำระหนี้ได้ ถือได้ว่าจำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินพ้นตัว แม้จำเลยจะเป็นข้าราชการ แต่ไม่พยายามชำระหนี้หรือขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้โดยสุจริตจึงไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การว่า จำเลยรับราชการตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ระดับ 5และทำงานพิเศษโดยมีรายได้ประมาณเดือนละ 5,000 ถึง 10,000 บาทสามารถนำรายได้ดังกล่าวมาแบ่งชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 10840/2536 ของศาลชั้นต้นนับถึงวันฟ้องเป็นเงิน 377,610.05 บาทซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวและมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลายหรือไม่ โจทก์นำสืบว่า หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 10840/2536 ให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์แล้ว เมื่อวันที่ 14ตุลาคม 2536 จำเลยนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์เพียง 2,500 บาทหลังจากนั้นก็ไม่ชำระอีก โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาด และโจทก์ได้สืบหาทรัพย์สินของจำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่มีทรัพย์สินที่จะพึงยึดมาขายทอดตลาดได้ ส่วนจำเลยนำสืบว่าจำเลยรับราชการที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ ระดับ 5อัตราเงินเดือนเดือนละ 15,420 บาท และทำงานพิเศษเป็นพนักงานของบริษัทฟุลลิสตรอง จำกัด มีรายได้เดือนละประมาณ 5,000 ถึง10,000 บาท นอกจากนี้มารดาจำเลยก็กำลังจะยกที่ดินโฉนดเลขที่ 3911ตำบลหนองผือ อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด เนื้อที่ 13 ไร่ให้จำเลย ที่ดินดังกล่าวราคาประเมินไร่ละ 50,000 บาท ถึง 60,000 บาทเพียงพอจะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ เห็นว่า แม้จำเลยจะมีเงินเดือนเดือนละ15,420 บาท แต่ก็เป็นเงินเดือนของข้าราชการ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(2)โจทก์ย่อมไม่สามารถบังคับคดีแพ่งให้จำเลยชำระหนี้ด้วยเงินเดือนได้ที่จำเลยอ้างว่ามีรายได้พิเศษจากการเป็นพนักงานขายของบริษัทฟุลลิสตรอง จำกัด เดือนละประมาณ 10,000 บาท แต่จำเลยก็ไม่เคยผ่อนชำระให้แก่โจทก์เลย ส่วนทรัพย์สินที่มารดาจะยกให้นั้นแม้จะมีอยู่จริงแต่ก็ไม่แน่นอนว่ามารดาจะยกให้จริงหรือไม่ ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวคงฟังได้เฉพาะเรื่องเงินเดือนเท่านั้นส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ ฟังไม่ได้ดังที่อ้าง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใดที่จะยึดมาชำระหนี้ได้ ถือได้ว่าจำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัวแม้จำเลยจะเป็นข้าราชการแต่ไม่พยายามชำระหนี้หรือขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้โดยสุจริต กรณีไม่มีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น