คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6065/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายหนังสือชนิดต่างๆให้แก่ผู้พิมพ์หนังสือที่ไม่สามารถจัดส่งหนังสือไปจำหน่ายเองได้และโจทก์เป็นผู้แทนจัดจำหน่ายหนังสือให้แก่จำเลยโดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยเบิกเงินค่าหนังสือที่ขอให้โจทก์จัดจำหน่ายไปก่อนล่วงหน้าบางส่วนได้แล้วจึงนำมาหักกลบลบกับจำนวนเงินที่ได้จากการขายหนังสือของจำเลยโจทก์คิดบัญชีเมื่อวันที่18พฤษภาคม2530แล้วยังมีเงินที่จำเลยเบิกจากโจทก์ไปล่วงหน้าซึ่งต้องคืนโจทก์อยู่จำนวนหนึ่งคำให้การของจำเลยที่ให้การปฏิเสธในเรื่องจำนวนเงินที่ต้องชำระคืนแก่โจทก์ว่าไม่ถูกต้องนั้นจำเลยให้การลอยๆเพียงว่าไม่ถูกต้องเพราะโจทก์รวมเอาหนังสือบางเล่มที่เกิดการชำรุดฉีกขาดหรือเปียกน้ำในระหว่างที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์เข้าด้วยและถือว่าเป็นหนังสือที่คืนแก่จำเลยแล้วโดยมิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงให้ชัดแจ้งว่าหนังสือรายการใดที่ชำรุดฉีกขาดหรือเปียกน้ำและมีเป็นจำนวนเท่าใดคิดเป็นเงินเท่าใดที่จะต้องหักออกจากรายการในช่องมูลค่าหนังสือที่รับคืนไปตามเอกสารท้ายฟ้องทั้งที่โจทก์ได้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรายการจัดจำหน่ายหนังสือให้แก่จำเลยในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม2527ถึงวันที่14พฤษภาคม2530มาอย่างละเอียดในเอกสารท้ายฟ้องแล้วซึ่งจำเลยสามารถให้การโต้แย้งรายการเหล่านั้นแต่ละรายการว่าไม่ถูกต้องอย่างไรได้โดยง่ายแต่จำเลยกลับให้การเพียงว่ามีรายการหนังสือเปียกน้ำที่ต้องหักออกคำให้การจำเลยในเรื่องหนังสือที่เปียกน้ำจึงไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานหลักฐานเข้านำสืบตามข้อต่อสู้นั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายหนังสือชนิดต่าง ๆโดยรับดำเนินการนำหนังสือที่ผู้อื่นพิมพ์ขึ้นจัดส่งให้แก่ผู้จำหน่ายหนังสือทั่วประเทศโดยคิดค่าบริการในการดำเนินการจัดส่งดังกล่าวและยินยอมให้ลูกค้าเบิกเงินค่าหนังสือที่ขอให้โจทก์จัดจำหน่ายไปก่อนล่วงหน้าบางส่วนได้ จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ เป็นผู้จัดพิมพ์หนังสือหลายรายการใช้ชื่อว่า “สโมสรนักขาย” และได้จ้างให้โจทก์จัดส่งหนังสือให้จำเลยระหว่างเดือนพฤษภาคม 2527 ถึงเดือนพฤษภาคม2530 จำนวน 57 รายการ ซึ่งจำเลยได้เบิกเงินค่าหนังสือไปจากโจทก์ล่วงหน้ามากกว่าจำนวนเงินที่ได้จากการขายหนังสือของจำเลยจำนวน 1,538,630.40 บาท แต่มีบางกรณีที่หนังสือของจำเลยขายได้มากกว่าเงินที่จำเลยเบิกไป ซึ่งเมื่อคิดบัญชีถึงวันที่ 18 พฤษภาคม2530 แล้วจำเลยเบิกเงินล่วงหน้าไปจากโจทก์มากกว่าเงินที่ขายหนังสือได้จำนวน 940,213 บาท โจทก์ติดต่อทวงถามให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 940,213 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะใช้เงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ตามธรรมเนียมปฏิบัติในการติดต่อค้าขายระหว่างโจทก์จำเลยนั้น โจทก์จะชำระค่าหนังสือที่จำเลยมอบให้โจทก์จัดจำหน่ายให้จำเลยทันทีโดยคิดหักค่าดำเนินการไว้ร้อยละ 37.5ของราคาหนังสือแต่ละเล่ม เงินค่าหนังสือที่โจทก์มอบให้จำเลยจึงเป็นราคาของการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืนส่วนหนังสือก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยยอมรับหนังสือที่เหลือจากการจำหน่ายคืนเฉพาะหนังสือที่โจทก์รับไปจากจำเลยโดยไม่ได้ชำระราคา ซึ่งโจทก์มีหน้าที่จะต้องส่งคืนหนังสือเหล่านั้นคิดเป็นเงินจำนวน 794,127.50 บาท และมีหนังสือบางส่วนที่โจทก์ชำระราคาแล้วแต่ยังคงฝากไว้ในโกดังของจำเลยคิดเป็นเงินจำนวน1,375,568.125 บาท รายการจัดจำหน่ายหนังสือให้แก่จำเลยของโจทก์ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 โจทก์จัดทำขึ้นเอง จำเลยไม่มีโอกาสตรวจสอบจำนวนเงินเหล่านั้นจึงไม่ถูกต้องทั้งหมด และโจทก์ไม่มีสิทธินำค่าหนังสือในรายการใดรายการหนึ่งไปหักกับรายการอื่น นอกจากนั้นมูลค่าหนังสือในช่อง “มูลค่าหนังสือที่คุณวุฒิวัฒน์รับคืนไป” ในเอกสารดังกล่าวก็ไม่ถูกต้อง เพราะโจทก์นำหนังสือบางส่วนที่โจทก์ชำระราคาแก่จำเลยแล้วแต่ยังคงฝากอยู่ในโกดังของจำเลยมารวมเข้ากับยอดหนังสือที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระราคาและส่งคืนแก่จำเลย และยังรวมเอาหนังสือบางเล่มที่เกิดการชำรุดฉีกขาดหรือเปียกน้ำระหว่างที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์เข้าด้วยโดยถือว่าเป็นหนังสือที่คืนแก่จำเลย การคิดยอดหนังสือที่โจทก์คืนแก่จำเลยจึงไม่ถูกต้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 940,213 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระให้เสร็จสิ้นแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 935,213 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่า โจทก์ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายหนังสือชนิดต่าง ๆ ให้แก่ผู้พิมพ์หนังสือที่ไม่สามารถจัดส่งหนังสือไปจำหน่ายเองได้ และโจทก์เป็นผู้แทนจัดจำหน่ายหนังสือให้แก่จำเลยโดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยเบิกเงินค่าหนังสือที่ขอให้โจทก์จัดจำหน่ายไปก่อนล่วงหน้าบางส่วนได้ แล้วจึงนำมาหักกลบลบกับจำนวนเงินที่ได้จากการขายหนังสือของจำเลย โจทก์คิดบัญชีเมื่อวันที่18 พฤษภาคม 2530 แล้วยังมีเงินที่จำเลยเบิกจากโจทก์ไปล่วงหน้าซึ่งต้องคืนโจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลย โดยจำเลยฎีกาว่า จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์นำราคาหนังสือซึ่งเปียกน้ำจากเหตุน้ำท่วมระหว่างอยู่ในครอบครองของโจทก์จำนวน 182,093.37 บาท ซึ่งจำเลยนำสืบไว้อย่างชัดแจ้งแล้วหักออกจากจำนวนเงินที่จำเลยต้องคืนแก่โจทก์จำนวน 935,213 บาทแต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในส่วนนี้ให้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยหักให้แก่จำเลยด้วยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยอุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ จึงเป็นปัญหาที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยโดยไม่ปรากฏเหตุผลจึงไม่ชอบ แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)ประกอบด้วยมาตรา 247 และเมื่อพิจารณาคำให้การของจำเลยที่ให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในเรื่องจำนวนเงินที่ต้องชำระคืนแก่โจทก์ว่าไม่ถูกต้อง เพราะรายการในช่องมูลค่าหนังสือที่คุณวุฒิวัฒน์รับคืนไปในเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ไม่ถูกต้องนั้น จำเลยให้การลอย ๆ เพียงว่า ไม่ถูกต้องเพราะโจทก์รวมเอาหนังสือบางเล่มที่เกิดการชำรุดฉีกขาดหรือเปียกน้ำในระหว่างที่อยู่ในความครอบครองของโจทก์เข้าด้วยและถือว่าเป็นหนังสือที่คืนแก่จำเลยแล้วโดยมิได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงให้ชัดแจ้งว่าหนังสือรายการใดที่ชำรุดฉีกขาดหรือเปียกน้ำและมีเป็นจำนวนเท่าใด คิดเป็นเงินเท่าใดที่จะต้องหักออกจากรายการในช่องมูลค่าหนังสือที่คุณวุฒิวัฒน์รับคืนไปตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ทั้งที่โจทก์ได้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับรายการจัดจำหน่ายหนังสือให้แก่จำเลยในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2527ถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2530 มาอย่างละเอียดในเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 แล้ว โดยมีรายการวันที่รับ ชื่อหนังสือ จำนวนเล่มที่รับราคาหนังสือ จำนวนเล่มที่รับ มูลค่าหนังสือที่ให้จัดจำหน่ายหักค่าบริการแล้ว จำนวนเงินค่าหนังสือที่เบิกไปล่วงหน้า มูลค่าหนังสือที่จำเลยรับคืนไป ซึ่งจำเลยสามารถให้การโต้แย้งรายการเหล่านั้นแต่ละรายการว่าไม่ถูกต้องอย่างไรได้โดยง่าย แต่จำเลยกลับให้การเพียงว่ามีรายการหนังสือเปียกน้ำที่ต้องหักออก คำให้การจำเลยในเรื่องหนังสือที่เปียกน้ำจึงไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานหลักฐานเข้านำสืบตามข้อต่อสู้นั้น แม้จำเลยจะนำสืบในปัญหาดังกล่าวมาศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ไม่ได้
พิพากษายืน

Share