แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย หากโจทก์ชนะคดีโจทก์จะได้เงินค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของจำเลย ไม่ได้ฟ้องเรียกเอาเงินค่าเช่าอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หาบเร่ แผงลอย บนที่ดินพิพาทแต่อย่างใด ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า ค่าเช่าอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หาบเร่ แผงลอย บนที่ดินพิพาทควรจะเป็นของโจทก์หรือจำเลย จึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 264 ที่โจทก์จะขอให้ห้ามจำเลยเก็บค่าเช่าและขอให้ศาลตั้งบุคคลอื่นไปเก็บค่าเช่าและ ดูแลกิจการแทน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาห้ามจำเลยทั้งสองเก็บค่าเช่าอาคารสิ่งปลูกสร้างและหาบเร่แผงลอยจากผู้เช่านับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเกี่ยวข้องกระทำการใด ๆ บนที่ดินพิพาททั้ง 4 แปลง และให้อาคาร สิ่งปลูกสร้าง แผงลอยเป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองและบริวารขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าวของโจทก์ หรือให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคาร สิ่งปลูกสร้างและแผงลอย พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าวของโจทก์ และให้จำเลยทั้งสองปรับสภาพที่ดินของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม หากจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนโดยจำเลยทั้งสองออกค่าใช้จ่าย และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์วันละ 1,000,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์หรือจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนอาคาร สิ่งปลูกสร้างและแผงลอย พร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์และปรับที่ดินของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมเสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา ขอให้มีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองเก็บเงินค่าเช่าอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หาบเร่แผงลอยบนที่ดินของโจทก์และห้ามจำเลยทั้งสองกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินของโจทก์ และมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานศาลหรือบุคคลอื่นที่ศาลเห็นสมควรไปเก็บเงินค่าเช่าและดูแลกิจการต่าง ๆ บนที่ดินของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลเห็นสมควรซึ่งไม่ทำให้จำเลยทั้งสองได้รับความเสียหาย
จำเลยทั้งสองยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองเก็บเงินค่าเช่าอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หาบเร่ แผงลอยบนที่ดินพิพาทห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาท ให้โจทก์เป็นผู้เก็บเงินค่าเช่า ทำบัญชี แล้วนำมาวางต่อศาลพร้อมกับแสดงบัญชีเป็นรายเดือนทุกเดือน และให้โจทก์ดูแลกิจการต่าง ๆ บนที่ดินพิพาทระหว่างพิจารณาจนกว่าศาลจะเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลในชั้นนี้ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาของโจทก์แยกพิจารณาได้เป็น 2 กรณี คือ ขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองเข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่ดินของโจทก์ ประกาศให้เช่าที่ดินของโจทก์มากขึ้น โดยให้จำเลยทั้งสองหยุดกระทำการดังกล่าวกรณีหนึ่ง และขอให้ห้ามจำเลยทั้งสองเก็บเงินค่าเช่าอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หาบเร่แผงลอยบนที่ดินโจทก์ และให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานศาลหรือบุคคลอื่นที่ศาลเห็นสมควรไปเก็บค่าเช่าและดูแลกิจการต่าง ๆ บนที่ดินของโจทก์อีกกรณีหนึ่ง
เห็นว่า ป.วิ.พ. มาตรา 264 ที่โจทก์อ้างเป็นหลักแห่งคำขอบัญญัติว่า นอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 253 และมาตรา 254 คู่ความชอบที่จะยื่นคำขอต่อศาล เพื่อให้มีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา เช่นให้นำทรัพย์สินหรือเงินที่พิพาทมาวางต่อศาลหรือต่อบุคคลภายนอก หรือให้ตั้งผู้จัดการหรือผู้รักษาทรัพย์สินของห้างร้านที่ทำการค้าที่พิพาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและเรียกค่าเสียหาย หากโจทก์ชนะคดีโจทก์จะได้เงินค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของจำเลยทั้งสอง หาได้ฟ้องเรียกเอาเงินค่าเช่าอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หาบเร่ แผงลอย บนที่ดินพิพาทแต่อย่างใดไม่ จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า ค่าเช่าดังกล่าวควรจะเป็นของโจทก์หรือของจำเลยทั้งสอง กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งมาตราดังกล่าว
พิพากษาแก้เป็นว่า ห้ามจำเลยทั้งสองทำการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ บนที่ดินพิพาทจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ให้ออกหมายห้ามไปยังจำเลยทั้งสองเมื่อโจทก์ได้นำเงินมาวางศาลจำนวน 200,000 บาท เพื่อการชำระ ค่าสินไหมทดแทนซึ่งจำเลยทั้งสองอาจได้รับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.