แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี นั้น บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลย คือ อิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี มิใช่โจทก์ แม้โจทก์จะเคารพหรือนับถือเทิดทูนอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ก็เป็นความผูกพันทางจิตใจของโจทก์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างบุคคล จะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายด้วยไม่ได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) แม้โจทก์ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปทูตฝ่ายวัฒนธรรมของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย ก็มีผลเพียงทำให้โจทก์เป็นตัวแทนของรัฐดังกล่าว ไม่มีผลทำให้เป็นตัวแทนของอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี เมื่อโจทก์มิได้เป็นผู้เสียหายและมิได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๐, ๙๑, ๑๓๓, ๑๓๔, ๑๓๕, ๓๒๖ และมาตรา ๓๒๘ พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๕๘๔ มาตรา ๔๘, ๔๙
ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องของโจทก์แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่บุคคลได้รับความเสียหายโดยตรง และโจทก์มิใช่ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งว่า โจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสองและโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของรัฐบาล และประมุขของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านโดยเป็นอุปฑูตฝ่ายวัฒนธรรม กรณีที่จำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทประมุขของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องมอบอำนาจอีกชั้นหนึ่ง ทั้งการที่จำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ซึ่งเป็นประมุขของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่โจทก์เคารพนับถือและเทิดทูนนั้น ย่อมเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ด้วย โจทก์จึงเป็นผู้ได้รับความเสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๘ บัญญัติให้พนักงานอัยการกับผู้เสียหายเท่านั้นมีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาล และตามมาตรา ๒(๔) ได้ให้ความหมายของคำว่า “ผู้เสียหาย” ไว้ว่าหมายความถึงบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานหนึ่งฐานใด กรณีที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทอิมาม อโยตลา รุฮุลลาห์ โคมัยนี นั้นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองก็คือ อิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี มิใช่โจทก์ แม้โจทก์จะเคารพนับถือหรือเทิดทูนอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ก็เป็นความผูกพันทางจิตใจของโจทก์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างบุคคล จะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองด้วยไม่ได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒(๔) ส่วนกรณีที่โจทก์ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปฑูตฝ่ายวัฒนธรรมของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำประเทศไทยนั้นมีผลเพียงแค่ทำให้โจทก์เป็นตัวแทนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านซึ่งเป็นรัฐ ไม่มีผลทำให้โจทก์เป็นตัวแทนของอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ซึ่งเป็นบุคคลไปด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้เป็นผู้เสียหายและมิได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายดังกล่าว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน