คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6097/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีอาญาที่เป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้เสียหายที่ 8 ที่ 9 ที่ 10 ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์โดยไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองอีกต่อไปสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2)การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้เสียหายที่ 8 ที่ 9 ที่ 10 จึงไม่ชอบ ต้องจำหน่ายคดี เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมิได้กระทำผิดตามฟ้องพนักงานอัยการย่อมไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชดใช้เงินแก่ผู้เสียหาย จึงไม่ชอบกรณีดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยทั้งสองไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง.

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษา โดยเรียกจำเลยในสำนวนแรกเป็นจำเลยที่ 1 เรียกจำเลยในสำนวนหลังเป็นจำเลยที่ 2โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83, 91 ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาสุกรที่ฉ้อโกงจากผู้เสียหายแต่ละรายให้แก่ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 8 และให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาสุกรให้แก่ผู้เสียหายที่ 9 และที่ 10
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายที่ 5 และที่ 7ขอถอนคำร้องทุกข์ โจทก์จำเลยไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองซื้อสุกรจากผู้เสียหายที่ 1ถึงที่ 4 แล้วผิดนัดไม่ชำระราคา ซึ่งเป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่งไม่มีเจตนาฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 4 แต่มีความผิดฐานฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 6 ที่ 8 ที่ 9 และที่ 10 พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 4 เดือนรวมสองกระทงเป็นจำคุก 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 4 เดือนรวมสี่กระทงเป็นจำคุก 1 ปี 4 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือนและจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาสุกรจำนวน 30,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 19,854 บาทแก่ผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 44,737 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 3 จำนวน30,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 4 จำนวน 35,118 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 6 จำนวน 20,500 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 8 กับให้จำเลยที่ 2ใช้ราคาสุกรจำนวน 29,133 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 9 และจำนวน13,988 บาทแก่ผู้เสียหายที่ 10 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้เสียหายที่ 6 ขอถอนคำร้องทุกข์โจทก์จำเลยไม่คัดค้าน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 6 ออกจากสารบบความ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 8 ที่ 9 และที่ 10 เสียด้วยคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายทั้งสิบให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับฎีกาโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 8ที่ 9 ที่ 10 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องมานั้นปรากฏหลักฐานในสำนวนคดีว่าระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2533 ผู้เสียหายที่ 8 ที่ 9 ที่ 10ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นได้ส่งคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายทั้งสามดังกล่าวมายังศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 23 เดือนเดียวกันเห็นว่าคดีนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัวเมื่อในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้เสียหายที่ 8 ที่ 9ที่ 10 ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์โดยไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองอีกต่อไป สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้เสียหายที่ 8ที่ 9 ที่ 10 นั้น จึงไม่ชอบ ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้เงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจยกคำขอที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายนั้น เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองมิได้กระทำความผิดตามฟ้อง พนักงานอัยการย่อมไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้ง 4 นั้น จึงไม่ชอบปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยทั้งสองจะมิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรค 2…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายคดีโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้เสียหายที่ 8 ที่ 9 ที่ 10 ออกจากสารบบความเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share