คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ธนาคารจำเลยทำละเมิดโดยจงใจกลั่นแกล้งขัดขวางไม่ให้โจทก์จัดการมรดกของผู้ตาย และร่วมกับบุคคลอื่นปิดบังรายละเอียดในบัญชีเงินฝากของผู้ตายเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่าจำเลยปฏิเสธไม่ให้โจทก์ตรวจสอบบัญชีและถ่ายเอกสาร ดังคำปฏิเสธที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบมีข้อความว่า ‘ธนาคารไม่อาจให้ท่านตรวจสอบบัญชีกระแสรายวันและถ่ายเอกสารดังกล่าวได้ เพราะเป็นระเบียบที่ธนาคารถือเป็นหลักปฏิบัติว่า ต้องรักษาสมุดเอกสารดังกล่าวไว้เป็นความลับ มิฉะนั้นแล้วธนาคารอาจถูกฟ้องให้รับผิดทางอาญาได้’ เมื่อโจทก์มิได้สืบพยานให้เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่จะต้องให้โจทก์ตรวจสอบบัญชีและเอกสารนั้น หรือจงใจกลั่นแกล้งขัดขวางโจทก์มิให้จัดการมรดกของผู้ตาย เพียงแต่การปฏิเสธของจำเลยตามเอกสารดังกล่าวหาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายมณี ธรรมปรีดาตามคำสั่งศาล จำเลยประกอบกิจการธนาคารเป็นผู้รับฝากเงินของนายมณีไว้หลายบัญชีในชื่อต่าง ๆ โจทก์ขอทราบและตรวจสอบรายละเอียดบัญชีเงินฝากของผู้ตาย จำเลยปฏิเสธไม่ยอมให้โจทก์ทราบตรวจสอบและถ่ายภาพเอกสารจากธนาคารโดยอ้างว่าเป็นความลับของลูกค้า เป็นการจงใจกลั่นแกล้งขัดขวางไม่ให้โจทก์จัดการมรดกของผู้ตาย และร่วมกับบุคคลอื่นปิดบังรายละเอียดในบัญชีเงินฝากของผู้ตาย เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์โจทก์ต้องจ้างทนายความดำเนินคดีนี้เป็นเงิน 10,000 บาท และเสียเวลาทำให้การจัดการมรดกล่าช้าคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยแจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบและได้ตรวจสอบบัญชีเงินฝากของนายมณีทุกประเภททุกชื่อที่ฝาก หรือให้จำเลยถ่ายภาพเอกสารทั้งหมดแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 30,000 บาท

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้ละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยรับฝากเงินของนายมณีในนามตนเองหรือชื่ออื่น แต่นายมณีและนายสัมพันธ์เปิดบัญชีกระแสรายวันไว้กับจำเลยใช้ชื่อว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ดี. สุบรามาเนียบและบุตร จำเลยให้โจทก์ตรวจสอบปรากฏว่าบัญชีปิดแล้ว โจทก์มีหนังสือขอตรวจสอบบัญชีกระแสรายวันและถ่ายภาพเอกสารบัญชีทุกประเภท จำเลยรับหนังสือของโจทก์ไว้พิจารณาระหว่างรอความเห็นของที่ปรึกษากฎหมายอยู่โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์พ.ศ. 2505 ที่จะไม่เปิดเผยบัญชีของลูกค้า โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้จำเลยถ่ายภาพเอกสาร โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบัญชี ค่าจ้างทนายความในการดำเนินคดีของโจทก์ เป็นความเสียหายที่ไกลต่อเหตุ การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องว่าจำเลยร่วมกับผู้อื่นปิดบังรายละเอียดบัญชีเงินฝากของผู้ตาย ซึ่งไม่เป็นความจริงและมีข่าวของโจทก์ลงในหนังสือพิมพ์ ทำให้ประชาชนและลูกค้าขาดความเชื่อถือ เข้าใจว่าจำเลยกระทำผิดกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลย จำเลยได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน 50,000 บาท ขอให้พิพากษายกฟ้องและให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย 50,000 บาท

โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยสุจริตมิได้เป็นผู้ลงข่าวหรือให้ข่าวฟ้องคดีเพื่อลงในหนังสือพิมพ์ จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยต่างอ้างส่งเอกสารเป็นพยานและแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า จำเลยประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดก นายมณีตามคำสั่งศาลแพ่ง จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ทราบและตรวจสอบบัญชีเงินฝากหรือถ่ายภาพเอกสารตามคำฟ้องของโจทก์ และมีหนังสือแจ้งให้ทราบตามเอกสารหมาย จ.1 โจทก์และจำเลยตกลงกันขอให้ศาลชี้ขาดเฉพาะประเด็นที่ว่า การที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ตรวจสอบบัญชีเงินฝากหรือถ่ายภาพเอกสารเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ตามคำบรรยายของโจทก์หรือไม่ ถ้าศาลวินิจฉัยว่าเป็นการละเมิดจำเลยยอมแพ้คดี ยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามจำนวนที่ศาลกำหนด ถ้าศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดก็ขอให้วินิจฉัยต่อไปว่า การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจนหนังสือพิมพ์ลงข่าวตามเอกสารหมาย ล.4 และ ล.5 นั้น โจทก์ได้กระทำละเมิดตามคำบรรยายฟ้องแย้งของจำเลยหรือไม่ ถ้าศาลวินิจฉัยว่าโจทก์กระทำละเมิดต่อจำเลย โจทก์ยอมแพ้คดี และยอมใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามที่ศาลกำหนดเห็นสมควร โดยทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจสืบพยานและสละข้ออ้างข้อเถียงอื่นทั้งสิ้น

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์จึงต้องแพ้คดีตามข้อตกลงกำหนดค่าเสียหายเป็นเงิน 3,000 บาท พิพากษาให้จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบ ยินยอมให้โจทก์ตรวจสอบหรือถ่ายภาพเอกสารบัญชีเงินฝากของนายมณีผู้ตายทุกบัญชีและทุกชื่อที่ผู้ตายฝากไว้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์3,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดโดยจงใจกลั่นแกล้งขัดขวางไม่ให้โจทก์จัดการมรดกของผู้ตายและร่วมกับบุคคลอื่นปิดบังรายละเอียดในบัญชีเงินฝากของผู้ตายเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงที่รับกันได้ความเพียงว่า จำเลยปฏิเสธไม่ให้โจทก์ตรวจสอบบัญชีและถ่ายเอกสารดังคำปฏิเสธที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบตามเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเอกสารหมาย จ.1 มีข้อความปรากฏว่า “ธนาคารไม่อาจให้ท่านเข้าตรวจสอบบัญชีกระแสรายวัน และถ่ายเอกสารดังกล่าวได้เพราะเป็นระเบียบที่ธนาคารถือเป็นหลักปฏิบัติว่าต้องรักษาสมุดเอกสารดังกล่าวของลูกค้าไว้เป็นความลับ ถ้ามิฉะนั้นแล้วธนาคารอาจถูกฟ้องให้รับผิดทางอาญาได้” ซึ่งตามคำปฏิเสธในเอกสารดังกล่าวไม่มีข้อเท็จจริงอันใด ที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำการใดอันเป็นการกลั่นแกล้งขัดขวางโจทก์มิให้จัดการมรดกของผู้ตาย ทั้งข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์จำเลยรับกันก็ไม่มีข้อแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีหน้าที่จะต้องให้โจทก์ตรวจสอบและถ่ายเอกสารนั้น เมื่อโจทก์มิได้สืบพยานให้เห็นว่าจำเลยจงใจกลั่นแกล้งขัดขวางโจทก์หรือมีหน้าที่ที่จะต้องให้โจทก์ตรวจสอบบัญชีและถ่ายเอกสารแล้ว เพียงแต่คำปฏิเสธของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.1 เท่านั้น หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่ ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

พิพากษายืน

Share