แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีแพ่งนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องแล้ว นอกจากจำเลยจะให้การปฏิเสธแล้วจำเลยย่อมมีสิทธิหักกลบลบหนี้และฟ้องแย้งได้หากหนี้นั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและถึงกำหนดชำระแล้ว และเมื่อฟังว่าหนี้ที่ขอหักกลบลบหนี้มิใช่เป็นหนี้ที่มีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยก็ย่อมได้ประโยชน์และศาลจะต้องพิพากษาให้ในจำนวนที่เหลือจากหักกลบลบหนี้กันแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้มาซื้อสินค้าจากจำเลยไป เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ หนี้สองรายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกัน และถึงกำหนดชำระแล้วทั้งสองฝ่าย เมื่อฟังเป็นจริงด้วยกันแล้วก็ย่อมหักกลบลบหนี้ด้วยกันได้ และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากนำยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหัก จึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177, 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินเพื่อชำระหนี้โจทก์ ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ขอให้จำเลยใช้เงินตามเช็คและดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ภายหลังที่ออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ซื้อสินค้าจากจำเลยไปหลายครั้ง เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยเป็นเงินจำนวนหนึ่งจึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระหนี้และดอกเบี้ยจากยอดเงินที่เป็นลูกหนี้
โจทก์ให้การแก้ฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าเชื่อจากโจทก์ เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ จำเลยออกเช็คดังกล่าวให้โจทก์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยขอผัดผ่อน โจทก์จึงเอาสินค้าจากจำเลยไปเป็นเงินตามจำนวนที่ฟ้องแย้ง เพื่อหักหนี้ที่จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามเช็ค ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องให้โจทก์ใช้เงินจำนวนตามฟ้องแย้ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาสู่ศาลฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายประการเดียวว่าจำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งได้หรือไม่ เห็นว่าในคดีแพ่งนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องแล้ว นอกจากจำเลยจะปฏิเสธแล้วจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะหักกลบลบหนีน้และฟ้องแย้งได้ หากหนี้นั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน และถึงกำหนดชำระแล้ว และเมื่อฟังได้ว่าหนี้ที่ขอหักกลบลบหนี้มิใช่เป็นหนี้ที่มีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยก็ย่อมได้ประโยชน์และศาลจะต้องพิพากษาให้ในจำนวนที่เหลือจากหักกลบลบหนี้กันแล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้วโจทก์ได้มาซื้อสินค้าเชื่อจากจำเลยไป เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ เห็นว่าหนี้ ๒ รายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกัน และถึงกำหนดชำระแล้วทั้ง ๒ ฝ่าย เมื่อฟังเป็นจริงด้วยกันแล้ว ก็ย่อมหักกลบลบหนี้กันได้และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากยกยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหัก จึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์ และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาแล้วชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗, ๑๗๙ วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
พิพากษายืน