คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. ให้การเป็นพยานในเรื่องที่จำเลยถูกหาว่าฆ่าคนตายคำให้การพาดพิงถึงการที่ ป. ถูกจำเลยจับไปกักขังไว้ด้วย จะถือว่าเป็นการร้องทุกข์ว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายด้วยโดยปริยายหาได้ไม่ เมื่อไม่มีการร้องทุกข์ของผู้เสียหายแล้วโจทก์ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจจับนายปี เอมขวัญ แล้วนำไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรกนั้นเป็นความผิดอันยอมความกันได้ตามมาตรา 321 จึงเป็นความผิดต่อส่วนตัว แต่ผู้เสียหายในคดีนี้ไม่ได้ร้องทุกข์ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่า ได้มีการร้องทุกข์แล้ว

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ ยกข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยนายปีไม่ได้ร้องทุกข์ เป็นแต่ให้การเป็นพยานในเรื่องอื่นที่จำเลยถูกหาว่าฆ่าคนตาย จึงมิใช่การร้องทุกข์ตามกฎหมาย โจทก์คัดค้านว่าควรถือได้ว่านายปีได้แจ้งความโดยคำให้การนั้นในฐานะผู้เสียหายด้วยและเป็นการร้องทุกข์โดยปริยายแล้วศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) มีความว่า คำร้องทุกข์นั้นหมายถึงการที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีผู้กระทำผิดขึ้น และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษด้วย ฉะนั้นการที่นายปีให้การต่อพนักงานสอบสวนในคดีที่จำเลยต้องหาอีกเรื่องหนึ่ง แล้วเลยพาดพิงถึงกรณีนี้เข้ามาในคดีนั้นด้วยจึงไม่เข้าลักษณะของคำร้องทุกข์โดย มีเจตนาจะให้จำเลยได้รับโทษ จะถือว่าเป็นการร้องทุกข์ในคดีนี้โดยปริยายหาได้ไม่ ฉะนั้นเมื่อไม่มีการร้องทุกข์ของผู้เสียหายแล้ว โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวไม่ได้พิพากษายืน

Share